Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ไมเคิล เซย์เลอร์ดันโมเดลใหม่ ใช้บิตคอยน์(BTC)ค้ำจำนองบ้านในสหรัฐ

ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ประธานของไมโครสตราเทจี(MSTR) เปิดตัวแนวคิดใหม่ในการขยาย *เงินกู้จำนองที่ใช้บิตคอยน์(BTC) เป็นหลักประกัน* ภายในสหรัฐอเมริกา โดยสอดรับกับการผลักดันของบิล พัลท์(Bill Pulte) นักลงทุนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งกำลังผลักดันโมเดลอดีตสมัยใหม่ที่ให้บิตคอยน์เป็นตัวค้ำประกันเงินกู้ ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นหลังจากสำนักงานควบคุมการเงินของสหรัฐ(FHFA) ประกาศว่าจะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ *สินทรัพย์ดิจิทัล* มาใช้เป็นหลักประกันในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับอนาคตของการเงินที่ขับเคลื่อนโดยคริปโต

ในบทบาทของเขา เซย์เลอร์เสนอตรงไปยังพัลท์ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ FHFA โดยเสนอ “โมเดลการประเมินเครดิตแบบใหม่” ที่ใช้ *บิตคอยน์* เป็นแกนกลาง แทนที่จะใช้มาตรวัดทางการเงินแบบดั้งเดิม โมเดลนี้วิเคราะห์จาก ‘ปริมาณการถือครองบิตคอยน์’, ‘ความผันผวนของมูลค่า’, และ ‘อัตราคุ้มครองหนี้’ ด้วยตัวชี้วัดเฉพาะ เช่น ‘BTC Rating’, ‘BTC Risk’ และ ‘BTC Credit Spread’ เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้

ข้อเสนอของเซย์เลอร์ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในกระดาษ เขายังแสดงความจริงจังผ่านการซื้อเพิ่มอีก 245 BTC คิดเป็นมูลค่า 18.2 ล้านดอลลาร์ (ราว 253 ล้านบาท) ทำให้ไมโครสตราเทจีมีบิตคอยน์สะสมอยู่ทั้งหมด 592,345 BTC คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดราว 86.2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11.9 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้รวม ‘กำไรจากการถือครอง’ ที่ยังไม่ขายอยู่ถึง 20 พันล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำว่าเซย์เลอร์ไม่ได้แค่พูด แต่เดินเกมอย่างจริงจังในสนามนี้

ด้าน FHFA เองก็เผยว่ากำลังประเมินแนวทางนำคริปโตมาใช้เป็นหลักประกันในระบบจำนองอย่างรอบคอบ แม้ในปัจจุบัน *สกุลเงินดิจิทัล* จะยังไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินส่วนใหญ่ เนื่องจากความผันผวนสูงและการขาดมาตรฐานการประเมิน อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ถือครองคริปโตจำนวนมากยังคงถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงสินเชื่อโดยตรง และต้องแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินสดก่อน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงระบบการเงินโดยรวม

ทางด้านทริสตัน อีเวอร์(Tristan Yver) ผู้ร่วมก่อตั้งของกระดานเทรด ‘แบ็คแพ็ค(BackPack)’ แสดง *ความคิดเห็น* ว่าโมเดลของเซย์เลอร์อาจกลายเป็น ‘สัญญาณบวก’ ที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรม เขามองว่าผู้ถือครองคริปโตจะสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้โดยไม่ต้องขายสินทรัพย์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ตรงกับพฤติกรรมในโลกดิจิทัลมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงคัดค้านจากบางฝ่าย โดยยกกฎหมาย ‘Digital Asset Market Clarity Act of 2025’ หรือร่างกฎหมาย H.R. 3633 ขึ้นมาเป็นหลักฐานว่ากฎหมายปัจจุบันรองรับการใช้คริปโตเป็นหลักประกันได้เพียงพอแล้ว การผลักดันแนวคิดใหม่อาจถ่วงนวัตกรรมมากกว่าผลักดันให้เกิดการยอมรับในวงกว้าง

ในภาพรวม โมเดลของเซย์เลอร์สะท้อนแนวทางเฉพาะตัวที่มุ่งจัดระดับเครดิตให้กับบริษัทที่ถือบิตคอยน์โดยเฉพาะ แสดงให้เห็นถึง *ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจใหม่ๆ* ที่เชื่อมโยงโลกการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิด คำถามหลักคือแนวคิดนี้จะสามารถขยายเข้าสู่ภาคนโยบายสาธารณะได้อย่างไร และจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสหรัฐอย่างไรต่อไป

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1