Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

NYDIG เตือนบิตคอยน์(BTC) เสี่ยงถูกเจาะเข้ารหัส หากควอนตัมคอมพิวเตอร์พัฒนาเต็มรูปแบบ

กูเกิล(Google) ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเชิงเข้ารหัสของบิตคอยน์(BTC) ขึ้นอีกครั้ง โดยบริษัทนิวยอร์กดิจิทัลอินเวสต์เมนต์กรุ๊ป (NYDIG) เตือนว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีควอนตัมในระยะยาวอาจคุกคามอัลกอริทึมการเข้ารหัสหลักของบิตคอยน์

จากผลการวิจัยที่กูเกิลเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ พบว่า จำนวนคิวบิตที่เคยเชื่อว่าจำเป็นต่อการถอดรหัส RSA อาจลดลงจาก 20 ล้านเหลือเพียง 1 ล้านคิวบิตเท่านั้น ซึ่งหมายถึงการลดลงถึง 95% เป็นสัญญาณว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์อาจสามารถถอดรหัสได้จริงเร็วกว่าเดิมมาก

แม้ว่าบิตคอยน์จะไม่ได้ใช้ RSA แต่ใช้อัลกอริทึมอย่าง ECDSA และเพิ่งเพิ่ม ‘ซิกเนเจอร์ชูเนอร์(Schnorr)’ ที่สามารถรวมหลายลายเซ็นให้เป็นหนึ่ง ซึ่งเพิ่มทั้งความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพให้กับระบบ อย่างไรก็ตาม NYDIG ชี้ว่า แม้แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ก็อาจไม่สามารถต้านทานควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้หากเทคโนโลยีนี้บรรลุระดับการใช้งานจริงในอนาคต

ควอนตัมคอมพิวเตอร์ออกแบบมาเพื่อใช้คุณสมบัติทางฟิสิกส์อย่าง ‘เอนแทงเกิลเมนต์’ และ ‘ซูเปอร์โพซิชัน’ ซึ่งคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมไม่สามารถลอกเลียนได้ ในขณะนี้เทคโนโลยียังอยู่ในระยะทดลองที่ราว 100 คิวบิต แต่ได้รับความสนใจมากขึ้นจากการพัฒนาเทคนิคแก้ไขข้อผิดพลาดและฮาร์ดแวร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้

ในปัจจุบัน ระบบเข้ารหัสของบิตคอยน์ยังถือว่าปลอดภัยทั้งต่อการโจมตีจากเทคโนโลยีทั่วไปและควอนตัม อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่า หากดูจากอัตราการพัฒนาในหลายด้าน เช่น การปรับปรุงอัตราความผิดพลาด การพัฒนาฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีไฮบริดระหว่างควอนตัมกับคอมพิวเตอร์คลาสสิกแล้ว อาจต้องเตรียมตัวรับมือ ‘ภัยคุกคามจากควอนตัม (Quantum Threat)’ ได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า

ในบริบทนี้ แนวทางที่เริ่มได้รับความสนใจคือ ‘การเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม (Post-Quantum Cryptography หรือ PQC)’ ซึ่งถูกออกแบบมาให้แม้แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถถอดรหัสได้ง่าย แต่เทคโนโลยีนี้ก็มาพร้อมกับข้อเสีย เช่น ขนาดลายเซ็นที่ใหญ่ขึ้น ความเร็วส่งข้อมูลที่ลดลง และประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ต่ำลง ทำให้การนำมาใช้งานจริงยังต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง

NYDIG ระบุในรายงานว่า “แม้ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตื่นตระหนก แต่ภาคอุตสาหกรรมก็ควรเริ่มลงมือก่อนจะสายไป” พร้อมเสริมว่า หากบิตคอยน์ต้องการคงสถานะอินฟราสตรักเจอร์ทางการเงินแบบไร้ศูนย์กลางเอาไว้ในระยะยาว การยกระดับมาตรฐานการเข้ารหัสจึงเป็นเรื่องจำเป็น

ข่าวนี้ไม่ใช่เพียงการพัฒนาเทคโนโลยีธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนว่า ระบบนิเวศของบิตคอยน์ ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการ ‘ไร้ศูนย์กลาง’ จะสามารถยืนหยัดรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในอนาคตได้หรือไม่ ‘ความยืดหยุ่น’ ของมันกำลังถูกทดสอบอีกครั้ง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1