กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้ตั้งข้อหานักแฮ็กชาวแคนาดาวัย 22 ปี อันเดียน เมเจโดวิช (Andean Medjedovic) ในข้อหาขโมยสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 65 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,350 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) อัยการสหรัฐระบุว่า เมเจโดวิชใช้ช่องโหว่ของสมาร์ตคอนแทรคต์ในโปรโตคอลการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) อย่าง อินเด็กซ์ ไฟแนนซ์(Indexed Finance) และ ไคเบอร์สวอป(KyberSwap) ระหว่างปี 2021 ถึง 2023 เพื่อถอนเงินโดยมิชอบ เขาได้ปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์ทางการเงินหลักของโปรโตคอลเพื่อสร้าง ‘ราคาปลอม’ ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อบรรดานักลงทุน
จากการสอบสวนพบว่า เมเจโดวิชพยายามฟอกเงินผ่านการสวอปสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกรรมบริดจ์ และบริการมิกเซอร์คริปโต นอกจากนี้ หลังจากการแฮ็กไคเบอร์สวอป เขายังข่มขู่นักพัฒนาและนักลงทุนของโปรโตคอล โดยเรียกร้องให้ส่งมอบ ‘อำนาจควบคุมทั้งหมด’ ของแพลตฟอร์มและ DAO เป็นเงื่อนไขในการคืนทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป
เมเจโดวิชถูกตั้งข้อหาใน 5 กระทง รวมถึงการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์, การทำลายคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต, การพยายามข่มขู่ตามกฎหมายฮอบส์ (Hobbs Act) และการฟอกเงิน โดยเฉพาะอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์อาจมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ส่วนอีก 4 ข้อหามีโทษสูงสุด 20 ปีต่อข้อหา
หลังจากการแฮ็กอินเด็กซ์ ไฟแนนซ์ ในปี 2021 เมเจโดวิชเลือกที่จะหลบหนี โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ DL News ในปี 2023 ว่าได้เดินทางไปทั่วยุโรปและลาตินอเมริกาก่อนจะตั้งรกรากบนเกาะห่างไกล อย่างไรก็ตาม เขาหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการแฮ็ก นอกจากนี้ เขายังอ้างผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ว่าการใช้ช่องโหว่ของสมาร์ตคอนแทรคต์เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายภายใต้หลักการ ‘Code-is-Law’
เหตุการณ์แฮ็กยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปีที่แล้ว ไคเบอร์สวอปประสบการโจมตีซึ่งส่งผลให้มูลค่าคริปโตประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,800 ล้านบาท) ถูกขโมย และพบว่าที่อยู่กระเป๋าของเมเจโดวิชมีส่วนเกี่ยวข้อง เขาพยายามโอนเงินที่ขโมยมาเป็น อีเธอเรียม(ETH) แต่ถูกนักพัฒนาบล็อกไว้ ส่งผลให้เขาไม่พอใจและติดต่อทีมพัฒนาโดยตรงเพื่อกดดันให้พวกเขาอนุมัติธุรกรรมดังกล่าว
เกี่ยวกับการตั้งข้อหาครั้งนี้ ลอว์เรนซ์ เดย์ (Laurence Day) ผู้ร่วมก่อตั้งอินเด็กซ์ ไฟแนนซ์ แสดงความเห็นว่า “แม้การดำเนินการของทางการจะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็แทบไม่มีผลต่อการชดใช้ความเสียหายของนักลงทุน เพราะทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปบางส่วนได้ถูกใช้ไปกับการแฮ็กครั้งอื่น ทำให้โอกาสในการกู้คืนลดลงไปอีก”
กรณีของเมเจโดวิชทำให้ปัญหาด้าน ‘ความปลอดภัย’ ในวงการ DeFi ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง และอาจเป็นตัวเร่งให้หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการโจมตีที่คล้ายกันในอนาคต
ความคิดเห็น 0