สัดส่วนของบิตคอยน์(BTC)ที่ถูกถืออยู่ในกระดานแลกเปลี่ยนลดลงต่ำกว่า 15% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งกำลังสะท้อนถึงสัญญาณ ‘ช็อกด้านอุปทาน’ ที่มากขึ้น โดยในขณะที่นักลงทุนระยะยาวและสถาบันการเงินมีแนวโน้มสะสมเหรียญผ่านกระเป๋าเงินนอกกระดานและตลาด OTC ทำให้จำนวนเหรียญที่พร้อมซื้อขายลดลงต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่าแนวโน้มนี้อาจเป็นรากฐานสำคัญของ *การปรับขึ้นราคา* ในอนาคต
ตามข้อมูลล่าสุดของ Glassnode แพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน ระบุว่าปริมาณบิตคอยน์บนกระดานแลกเปลี่ยนคิดเป็นเพียง 14.5% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 โดยปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ถือครองระยะยาวรวมถึงนักลงทุนสถาบันกำลังทยอยโอนเหรียญไปยัง *กระเป๋าเงินส่วนตัว* และไม่ได้นำมาขายทันที ส่งผลให้เหรียญจำนวนมากถูก ‘เก็บกัก’ ภายนอกตลาด
กระแสการถือครองนี้เชื่อมโยงกับความต้องการจากกองทุน ETF ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้อุปทานที่มีในตลาดลดลงอย่างต่อเนื่อง *ความคิดเห็น* นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่าหากเหรียญจำนวนมากยังคงไม่ถูกนำกลับเข้าสู่ตลาด อาจเกิดภาวะช็อกด้านอุปทาน (Supply Shock) ซึ่งจะลดปริมาณเหรียญที่สามารถซื้อขายได้ในสภาวะตลาดทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
ในอีกมุมหนึ่ง ปรากฏความเห็นจากนักลงทุนในวงการว่า ราคาบิตคอยน์อาจสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวได้ ก็ต่อเมื่อสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) ได้อย่างมั่นคง โดยพื้นฐานมาจากการลดลงของอุปทานในขณะที่ความต้องการยังคงอยู่ในระดับคงที่ หรือเพิ่มขึ้น
การลดลงของอุปทานในกระดานครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนภาวะราคาที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น แต่ยังบ่งบอกถึง *การปรับโครงสร้างเชิงสถาบัน* ของระบบนิเวศบิตคอยน์โดยรวมด้วย หากทิศทางนี้ยังเดินหน้าต่อเนื่อง อาจทำให้บทบาทของบิตคอยน์ในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0