ตลาดคริปโตอาจต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนในการฟื้นตัว หลังเผชิญแรงเทขายหนัก

ตลาดคริปโตอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนในการฟื้นตัวเต็มที่ เนื่องจากมีแนวโน้มเกิดรูปแบบเคลื่อนไหวซ้ำคล้ายกับปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) ตามรายงานของ Cointelegraph แมทธิว ไฮแลนด์ นักวิเคราะห์คริปโต ได้แสดงความคิดเห็นผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ว่า “อัลท์คอยน์ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาขั้นต่ำสองเดือนในการกลับไปสู่ระดับของเดือนธันวาคม”

ไฮแลนด์ระบุว่า การปรับฐานครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งในวันนั้นเพียงวันเดียว มีการบังคับปิดสถานะเป็นมูลค่ารวม 2.24 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.248 แสนล้านบาท) นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า มูลค่าที่ถูกล้างจริงอาจสูงกว่านั้นมาก

เบ็น โจว ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Bybit กล่าวว่า “ขนาดของการล้างพอร์ตจริงใหญ่มากกว่าตัวเลขที่รายงาน คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 8 พันล้านถึง 10 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.16 ล้านล้านถึง 1.45 ล้านล้านบาท) เป็นอย่างน้อย”

การล้างพอร์ตครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ว่าภายหลังทรัมป์จะประกาศระงับการเก็บภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโกชั่วคราว แต่ความวิตกกังวลของตลาดก็ยังไม่คลี่คลาย

ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะ 92,584 ดอลลาร์ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ทำลายแนวรับจิตวิทยาที่ 100,000 ดอลลาร์ แม้ว่าวันต่อมาราคาจะฟื้นกลับไปที่ 102,000 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นก็เผชิญแรงกดดันอีกครั้ง ณ เวลาที่รายงาน ราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 97,570 ดอลลาร์

ไฮแลนด์คาดว่า การร่วงลงรอบนี้อาจเป็น ‘สัญญาณของจุดต่ำสุด’ แต่หากอ้างอิงจากเหตุการณ์ในอดีต ตลาดอาจต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ “เมื่อเกิดการล่มสลายในปี 2020 และ 2022 ตลาดต้องใช้เวลาขั้นต่ำสองเดือนในการฟื้นตัว” ไฮแลนด์กล่าว

ย้อนกลับไปในปี 2020 ช่วงแรกของวิกฤตโควิด บิตคอยน์ร่วงลง 47% ในวันที่ 12-13 มีนาคม แตะที่ 5,017 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับขึ้นไปที่ 11,000 ดอลลาร์ในห้าเดือนให้หลัง

กรณี Terra ล่มสลายในปี 2022 และเหตุการณ์ล้มละลายของ FTX ในเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน ก็เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะกลับมาแข็งแกร่ง

ไฮแลนด์สรุปว่า “การฟื้นตัวแบบ V-shape ในเวลาอันสั้นไม่น่าเกิดขึ้น และแม้แต่ในปี 2020 เอง กว่าตลาดจะกลับมา ก็ต้องผ่านความผันผวนหลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์”

ดังนั้น นักลงทุนจึงควรโฟกัสไปที่ ‘ศักยภาพการฟื้นตัวในระยะยาว’ มากกว่าการเคลื่อนไหวระยะสั้นที่ยังคงผันผวน