เวียดนามเคลื่อนไหวใหญ่! ออกกฎหมายกำกับคริปโตครั้งแรก หวังยกระดับมาตรฐาน AML/CFT

เวียดนามเริ่มต้นการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง หลังรัฐสภาได้อนุมัติกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา รัฐสภาเวียดนามได้ผ่านร่าง *กฎหมายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล* ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 เป็นต้นไป โดยเป้าหมายหลักคือการยกระดับระบบป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย(AML/CFT) ให้เป็นไปตามแนวทางขององค์กรป้องกันการฟอกเงินระหว่างประเทศ (FATF)

ในกฎหมายฉบับนี้ มีการแยกประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้คริปโตเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) อยู่ภายใต้หมวด ‘สินทรัพย์เข้ารหัส’ ขณะที่ไอเท็มในเกมหรือของสะสมดิจิทัลแบบไม่มีฟังก์ชันทางการเงิน จะถูกจัดอยู่ในหมวด ‘สินทรัพย์เสมือน’ แทน ทั้งนี้ เงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) และหลักทรัพย์ดิจิทัลจะไม่ถูกครอบคลุมภายใต้กฎหมายฉบับนี้

รัฐบาลเวียดนามมีแผนควบคุมบริษัทและแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอย่างเข้มงวด ทั้งในด้านการยืนยันตัวตน(KYC) การตรวจสอบธุรกรรม และภาระหน้าที่ด้านการรายงาน ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างเกราะคุ้มครองนักลงทุน และสกัดกั้นการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลไปในทางมิชอบ เช่น การฟอกเงินหรือฉ้อโกง ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับการจับตา เนื่องจากเวียดนามเคยขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน จนประสบปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

การออกกฎหมายในครั้งนี้ยังสอดรับกับสถานการณ์เมื่อปี 2023 ที่ FATF จัดให้เวียดนามอยู่ใน ‘บัญชีเฝ้าระวัง’ หรือ ‘กลุ่มสีเทา’ หลังพบว่ายังขาดมาตรการรับมือการฟอกเงินอย่างเพียงพอ สถานะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและความสามารถในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ เวียดนามจึงพยายามใช้กฎหมายฉบับใหม่นี้เป็นเครื่องมือปรับภาพลักษณ์ และยกระดับมาตรฐานให้ทัดเทียมนานาชาติ

อีกทั้ง การเร่งออกกฎหมายยังเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของรัฐบาลเวียดนาม ที่ต้องการสร้างรากฐานทางกฎหมายสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ รวมถึงผลักดันเวียดนามให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าความชัดเจนในเชิงบทกฎหมายจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และสร้างแรงส่งต่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต *ความคิดเห็น*: นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาคอย่างแท้จริง.