สหรัฐฯ ฟ้องผู้ก่อตั้งโอเมก้าโปร ฐานหลอกลงทุนคริปโต เสียหายกว่า 9,000 ล้านบาท

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในโครงการหลอกลวงการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ‘โอเมก้าโปร’(OmegaPro) ฐานลวงผู้ลงทุนด้วยคำสัญญาผลตอบแทนสูงเกินจริง สร้างความเสียหายกว่า 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,035 ล้านบาท) โดยผู้ถูกฟ้องได้แก่ ไมเคิล แชนนอน ซิมส์(Michael Shannon Sims) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และฮวน คาร์ลอส เรย์โนโซ(Juan Carlos Reynoso) ผู้ดูแลการดำเนินงานในภูมิภาคละตินอเมริกา

กระบวนการฟ้องร้องเกิดขึ้นในศาลรัฐบาลกลางเปอร์โตริโก โดยทางกระทรวงยุติธรรมระบุว่า ทั้งสองเริ่มดำเนินการหลอกลวงในรูปแบบแชร์ลูกโซ่มาตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2023 แมทธิว กาเลโอตติ(Matthew Galeotti) หัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดีอาญาของกระทรวง เปิดเผยว่า “พวกเขาชักชวนเหยื่อทั้งในสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ด้วยการกล่าวอ้างว่าสามารถบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างปลอดภัย และเสนอผลตอบแทนสูง ซึ่งทั้งหมดเป็นการหลอกลวง”

แผนหลอกลวงนี้ใช้โครงสร้างแบบขายตรงหลายชั้น (MLM) ผ่านการจำหน่าย 'แพ็กเกจลงทุน' โดยสัญญาว่าสามารถสร้างผลตอบแทนสูงสุดถึง 300% ภายใน 16 เดือน อ้างว่าใช้ ‘นักเทรดระดับเอลิท’ ดำเนินการ โดยรับเงินลงทุนเป็นสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าเป็นบิตคอยน์(BTC) อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานใดสนับสนุนว่าแพ็กเกจเหล่านี้เคยสร้างผลตอบแทนจริง

นอกจากนี้ ทั้งสองยังดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดที่ฟุ่มเฟือยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของความน่าเชื่อถือ พวกเขาจัดงานระดับโลกตามโรงแรมหรู พร้อมฉายโลโก้โอเมก้าโปรบนตัวอาคารเบิร์จ คาลิฟาในดูไบ และเผยแพร่ภาพรถหรู สินค้าแบรนด์เนม และทริปท่องเที่ยวต่างประเทศผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของความ 'ประสบความสำเร็จ'

ทางการสหรัฐฯ ยืนยันว่าความเสียหายจากกรณีนี้ขยายวงกว้างไปยังต่างประเทศ และเตรียมดำเนินการร่วมกับนานาชาติเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างครอบคลุม กาเลโอตติระบุเพิ่มเติมว่า “เราจะดำเนินการสอบสวนต่ออย่างเข้มข้น และตอบโต้การหลอกลวงคริปโตในลักษณะเดียวกันอย่างเด็ดขาด” พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อของโอเมก้าโปรติดต่อหน่วยงานเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม

‘โอเมก้าโปร’ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ *โครงการแชร์ลูกโซ่ในวงการคริปโต* ที่ฉวยโอกาสจากช่วงเติบโตของตลาด ใช้คำสัญญาเกินจริงและภาพลวงตาแห่งความสำเร็จ มาสร้างผลประโยชน์ส่วนตัว โดยทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง ความคิดเห็น: กรณีนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่นักลงทุนต้องตรวจสอบข้อมูลโครงการให้รอบคอบและหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ไม่มีความโปร่งใส