เมื่อวันที่ 22 (เวลาท้องถิ่น) ตลาดคริปโตเผชิญกับการไหลออกครั้งใหญ่จากอีเธอเรียม(ETH) ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐ โดยมียอด *เงินทุนไหลออกสุทธิสูงถึงประมาณ 6,464 พันล้านวอน* หรือ *ราว 465 ล้านดอลลาร์* ซึ่งนับเป็นการไหลออกวันเดียวที่ *สูงสุดเป็นประวัติการณ์* นับตั้งแต่ได้รับอนุมัติ ETF ดังกล่าว โดยถือเป็นวันทำการที่สองติดต่อกันของการไหลออก หลังจากเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้ามีรายงานว่า *มีเงินไหลออกประมาณ 2,113 พันล้านวอน* หรือ *ราว 152 ล้านดอลลาร์*
ตามข้อมูลจากบริษัทลงทุนในสหราชอาณาจักร ฟาร์ไซด์ อินเวสเตอร์ส์(Farside Investors) การไหลออกครั้งนี้เป็นการสิ้นสุดของช่วงเวลา *20 วันทำการติดกันที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ* มูลค่ารวมสองวันที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 8,577 พันล้านวอน สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงภาวะตลาดอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์บางรายให้ *ความคิดเห็น* ว่า ความเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันนี้อาจเป็นผลจากจิตวิทยาการลงทุนที่พลิกผัน หลังจากช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ETF ประเภทนี้ยังคงแสดงภาพรวมเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง
ย้อนกลับไปในเดือนที่แล้ว ETF อีเธอเรียมเคยมียอด *เงินไหลเข้าสุทธิสูงถึงประมาณ 7.54 ล้านล้านวอน* หรือ *5430 ล้านดอลลาร์* ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จด้านเงินทุนที่เด่นชัดที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้ซื้อขาย แต่ในเดือนสิงหาคม บรรยากาศของตลาดเริ่มเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน โดยราคาของ ETH เองก็สะท้อนถึงความผันผวนนี้ จากข้อมูลของ CoinGecko ราคา ETH ร่วงจาก *จุดสูงสุดที่ 3,858 ดอลลาร์* (ประมาณ 53.6 ล้านวอน) เมื่อวันพฤหัสบดี ไปสู่ *ระดับ 3,380 ดอลลาร์* (ประมาณ 46.9 ล้านวอน) ในวันอาทิตย์ หรือลดลงราว 12% อย่างไรก็ตาม ภายในวันอังคาร ราคาเริ่มฟื้นตัวมาอยู่ที่ *3,629 ดอลลาร์* (ประมาณ 50.4 ล้านวอน)
ขณะนี้สายตาของนักลงทุนกำลังจับจ้องว่า การไหลออกจะเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวก่อนการฟื้นตัว หรือเป็น *สัญญาณของแนวโน้มขาลงระยะยาว* โดยปัจจัยที่อาจกำหนดทิศทางต่อไปคือความชัดเจนด้านนโยบายคริปโตของสหรัฐ ซึ่งขึ้นกับผลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก *ประธานาธิบดีทรัมป์* มีแนวโน้มจะกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง ก็อาจส่งผลให้ *ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายต่อ ETF* เพิ่มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า
ความคิดเห็น 0