สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ได้เปิดเผยว่า *กิจกรรมลิควิดสเตกกิ้งของสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท ไม่เข้าข่ายอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์* ซึ่งถือเป็นการให้แนวทางด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้นแก่ภาคอุตสาหกรรม โดยถ้อยแถลงนี้อ้างอิงจากบทบัญญัติสำคัญของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ปี 1933 และพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 1934 เพื่อขจัดความไม่แน่นอนด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี
SEC ระบุว่า ลิควิดสเตกกิ้งคือกระบวนการที่สินทรัพย์ดิจิทัลถูกนำไปสเตกผ่านบล็อกเชนโปรโตคอล และผู้เข้าร่วมจะได้รับ *โทเคนใบเสร็จของลิควิดสเตกกิ้ง* เป็นการตอบแทน ซึ่งโทเคนนี้สะท้อนว่าพวกเขายังคงถือครองสิทธิ์ในทรัพย์สินต้นทางอยู่ พอล แอทกินส์ กรรมาธิการของ SEC กล่าวว่า “แถลงการณ์ในครั้งนี้แสดงอย่างชัดเจนว่ากิจกรรมบางประเภท เช่น ลิควิดสเตกกิ้ง ไม่อยู่ภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบของเรา” และประเมินว่าเรื่องนี้ถือเป็น ‘ความคืบหน้า’ สำคัญในการลดความไม่ชัดเจนด้านกฎระเบียบ
ขณะเดียวกัน ตลาดอีเธอเรียม(ETH) ETF แบบสปอตในสหรัฐก็พบกับการไหลออกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมี *เงินทุนไหลออกสุทธิในวันเดียวมากถึง 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,464 ล้านบาท)* นับว่าเป็นการหยุดสถิติ 20 วันติดต่อกันของการไหลเข้าสุทธิ โดยเป็นการไหลออกต่อเนื่องเป็นวันที่สองหลังจากสิ้นสุดสัปดาห์ก่อน ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึง *การเปลี่ยนแปลงของจิตวิทยาการลงทุน* ของผู้ถือกองทุน ซึ่งการถอนทุนครั้งใหญ่ยังเกิดขึ้นภายใต้การนำของแบล็คร็อก(BlackRock) อีกด้วย ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนถึงตลาด ETH ETF ที่ก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาจากว่า ตลอดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ETH ETF แบบสปอตมีเงินไหลเข้าสุทธิสูงถึง 5.43 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 75,477 ล้านบาท) การไหลออกครั้งนี้จึงนับเป็น *ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ* อย่างมีนัยสำคัญ ด้านราคาของ ETH ก็ผันผวนอย่างชัดเจน โดยจากระดับ 3,858 ดอลลาร์ (ประมาณ 536,000 บาท) ในวันพฤหัสบดี ร่วงลงมาอยู่ที่ 3,380 ดอลลาร์ (ประมาณ 470,000 บาท) ในวันอาทิตย์ ก่อนจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 3,629 ดอลลาร์ (ประมาณ 504,000 บาท) ในวันอังคาร
ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวภายในเปิดเผยว่า *ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ‘การตัดบริการทางการเงิน (debanking)’ ของสถาบันการเงิน* ซึ่งจะเน้นตรวจสอบกรณีที่มีการจำกัดการเข้าถึงบริการทางการเงิน เนื่องจากแนวคิดทางการเมืองหรือกลุ่มอุตสาหกรรมบางประเภท โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม ‘ความครอบคลุมและความโปร่งใสทางการเงิน’ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมคริปโตเองก็ไม่อาจหลีกหนีจากปัญหานี้ได้เช่นกัน หากมาตรการของประธานาธิบดีทรัมป์ถูกนำมาปฏิบัติจริง ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง *ความคิดเห็น:* ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ในครั้งนี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้คริปโตได้รับการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียมมากขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0