Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

อีเธอเรียม(ETH) ไหลออกจากบายนานซ์กว่า 1.85 พันล้านดอลลาร์ จุดกระแสคาดราคาพุ่ง

อีเธอเรียม(ETH) ไหลออกจากบายนานซ์กว่า 1.85 พันล้านดอลลาร์ จุดกระแสคาดราคาพุ่ง / Tokenpost

บายนานซ์เปิดเผยว่า มูลค่าอีเธอเรียม(ETH) ราว 10% ที่อยู่ในครอบครองของบริษัทได้ไหลออกจากแพลตฟอร์มในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ในแวดวงนักลงทุนคริปโตเริ่มตีความเหตุการณ์นี้ว่าเป็น ‘สัญญาณตลาดขาขึ้น’ สำหรับอีเธอเรียม โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าการเคลื่อนย้ายดังกล่าวอาจสะท้อนถึงการขยายตัวของระบบนิเวศแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และความต้องการถือยาวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับความคาดหวังด้านราคาในระยะยาว

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม บายนานซ์ได้เปิดเผยรายงาน *การแสดงหลักฐานการถือครองทรัพย์สิน (Proof of Reserves)* พบว่าการถือครองอีเธอเรียมลดลงกว่า 496,984 ETH เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.57 ล้านล้านวอน ถือเป็นการลดลงเกือบ 10% จากยอดถือครองทั้งหมดประมาณ 4.55 ล้าน ETH ก่อนหน้านี้

ที่น่าสนใจคือ การไหลออกของอีเธอเรียมเกิดขึ้นสวนทางกับสินทรัพย์ดิจิทัลหลักอื่น ๆ อย่าง บิตคอยน์(BTC) และ เทเธอร์(USDT) โดยในช่วงเวลาเดียวกัน บิตคอยน์ในคลังของบายนานซ์กลับเพิ่มขึ้น 17,167 BTC หรือประมาณ 2.99% ในขณะที่ USDT เพิ่มขึ้นมากกว่า 258 ล้านดอลลาร์ ส่วน BNB ซึ่งเป็นโทเคนของบายนานซ์เองก็ยังคงทรงตัวอยู่โดยมีการเพิ่มขึ้นเพียง 0.38%

นักวิเคราะห์มีมุมมองหลักสองประการต่อการเคลื่อนย้ายอีเธอเรียมจำนวนมากในครั้งนี้ หนึ่งคือการย้ายไปยัง ‘วอลเล็ตเย็น’ หรือกระเป๋าสำรองเพื่อความปลอดภัย อีกหนึ่งคือการนำไปใช้ในโปรโตคอล DeFi ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ต่างก็ส่งผลต่อ ‘การลดลงของอุปทานในวงจร’ ซึ่งสามารถเป็นแรงสนับสนุนด้านราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันราคาอีเธอเรียมไต่ระดับเหนือแนวต้านระยะสั้นทะลุ 3,700 ดอลลาร์ หรือราว 5.13 แสนบาทแล้ว

ในเชิงเทคนิค อีเธอเรียมยังส่งสัญญาณเชิงบวก โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 26 วัน (EMA) ทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนี RSI ยังคงอยู่ที่ระดับ 66 แสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะโอเวอร์บอทหรือร้อนแรงเกินไป ซึ่งเป็น ‘ความคิดเห็น’ ที่บ่งชี้ว่ายังมีพลังซื้อรออยู่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก

สิ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์สนใจเป็นพิเศษคือ ความเป็นไปได้ที่การย้าย ETH ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ *การถือครองระยะยาว (HODL)* หรือ *การนำไปสเตกกิ้ง* ซึ่งทั้งสองแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อการชะลอการหมุนเวียนของอีเธอเรียมในระบบ หากแนวโน้มนี้ยังเดินหน้าต่อไป ก็มีโอกาสอย่างยิ่งที่จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง รายงานจากนักวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนระบุว่า “ภายใต้บริบทของอุปทานที่ถูกจำกัดแบบเชิงโครงสร้าง หากมีเงินทุนใหม่ไหลเข้ามา จะมีโอกาสสูงที่อีเธอเรียมจะเร่งขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่”

โดยสรุป การที่อีเธอเรียมราว 10% หลุดจากบายนานซ์ ไม่ใช่แค่การถอนออกธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเชิงลึกว่า ‘ความหายากของอุปทาน’ กำลังกลายเป็นแรงผลักราคาครั้งใหม่ ในช่วงที่ตลาด DeFi เริ่มฟื้นตัวและโมเดลโทเคนของอีเธอเรียมได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น สิ่งนี้อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการเพิ่มแรงจูงใจให้นักลงทุนหันกลับมา ‘เข้าซื้อซ้ำ’ อย่างมีกลยุทธ์อีกครั้งในอนาคตอันใกล้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1