บรรยากาศในตลาดคริปโตเริ่มตึงเครียดขึ้น เมื่ออีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญกับแรงขายขนาดใหญ่ นำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับการกลับตัวลงของราคาในระยะสั้น โดยข้อมูลล่าสุดเผยว่าเหล่านักลงทุนรายใหญ่ (หรือที่เรียกกันว่า ‘วาฬ’) ได้โอน ETH มูลค่าราว 69 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 962 ล้านบาท) เข้าสู่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ขณะที่ ‘ปริมาณซื้อสุทธิ(Net Taker Volume)’ ร่วงลงถึง -418.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,826 ล้านบาท) สะท้อนถึงแรงขายตลาดแบบเร่งด่วนอย่างชัดเจน
ตามรายงานจากแพลตฟอร์มข้อมูลออนเชนอย่าง CryptoQuant เมื่อวันที่ 24 พบว่าปริมาณขายผ่านตลาดในวันเดียวมีขนาดใหญ่มากกว่าปริมาณซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ความเร่งรีบของนักลงทุนในการเร่งขายโดยไม่รอราคาดี บ่งชี้ถึงลักษณะพฤติกรรมที่มักพบใกล้ระดับราคาสูงสุด ความเคลื่อนไหวนี้กำลังดันตลาดให้เข้าสู่ช่วงเปราะบาง
ในขณะเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากวาฬถึงสองกระเป๋า โดยกระเป๋าที่มีรหัสขึ้นต้น 0xc156 ได้โอน ETH จำนวน 13,459 เหรียญไปยังไบแนนซ์ คิดเป็นมูลค่าราว 49 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 681 ล้านบาท) ขณะที่อีกกระเป๋า 0x46DB ส่ง ETH จำนวน 5,504 เหรียญไปยัง OKX รวมเป็นมูลค่า 19.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 275 ล้านบาท) โดยทั่วไปแล้ว การโอนเงินขนาดใหญ่นี้มักถูกมองว่าเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อเทขาย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง ความเคลื่อนไหวเช่นนี้มักทำให้แรงกดดันเพิ่มขึ้น
ส่วนทางด้านกราฟราคาก็ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น อีเธอเรียมขณะนี้ซื้อขายอยู่ที่ราว 3,630 ดอลลาร์ (ประมาณ 504,000 บาท) โดยปรับลดลงราว 1% ภายใน 24 ชั่วโมง และราว 4% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทิศทางราคาได้ทะลุแนวรับจากเทรนด์ขาขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และความพยายามในการฟื้นตัวยังไม่สามารถทะลวงแนวต้านกลับขึ้นมาได้ ทำให้ระดับ 3,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 527,000 บาท) กลายเป็นแนวต้านสำคัญ หากยังไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ นักวิเคราะห์เตือนว่าราคาอาจถอยลงสู่ระดับแนวรับที่ 3,147 ดอลลาร์ (ประมาณ 437,000 บาท) หรือแม้กระทั่ง 2,913 ดอลลาร์ (ประมาณ 405,000 บาท)
ในส่วนของกองทุน ETF สถานการณ์ยังคงผันผวนอย่างมาก เพียงไม่กี่วันก่อน มีเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETF ที่เชื่อมโยงกับ ETH มากถึง 465 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,463 ล้านบาท) ภายในวันเดียว แต่ล่าสุดก็มีการไหลกลับเข้ามาอีก 73.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,018 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นจุดที่นักลงทุนกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า *ความเชื่อมั่นของตลาด* กำลังฟื้นกลับมาหรือยัง ท่ามกลางมุมมองที่ต่างกันระหว่างสถาบันกับรายย่อย อีเธอเรียมอาจเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดในระยะสั้น
แรงกดดันจากแรงขายที่เพิ่มขึ้นร่วมกับการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ และทิศทางกองทุน ETF ที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ *แรงขายระยะสั้นของอีเธอเรียมยิ่งทวีความรุนแรง* อย่างไรก็ตาม หากสามารถรักษาระดับแนวรับไว้ได้ พร้อมกับการไหลเข้าของเงินทุนผ่าน ETF อย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นจังหวะให้เกิดแรงซื้อสวนทางในอนาคต ซึ่งผลลัพธ์จากการเคลื่อนไหวในช่วงจัดสรรนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อทิศทางระยะกลางของอีเธอเรียม
ความคิดเห็น 0