ปริมาณธุรกรรมบนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ออกคำแนะนำใหม่เกี่ยวกับการสเตก ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในกิจกรรมบนเชนของผู้ใช้อีเธอเรียมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนดูน อนาไลติกส์ (Dune Analytics) จำนวนอีเธอร์(ETH) ที่ถูกนำไปสเตกบนเครือข่ายอีเธอเรียมขณะนี้ทะลุ 36 ล้านเหรียญ คิดเป็นประมาณ *30%* ของอุปทานทั้งหมด หากคำนวณจากราคาตลาดในปัจจุบัน มูลค่าของ ETH ที่ถูกล็อกอยู่ในเครือข่ายสูงถึง *167,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 232.3 ล้านล้านวอน)*
การที่มีสินทรัพย์ในปริมาณมหาศาลถูกล็อกไว้ในสมาร์ทคอนแทรกต์ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ถืออีเธอร์จำนวนมากให้ความสำคัญกับ *ผลตอบแทนจากการสเตก* มากกว่าการขายเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีนักลงทุนเลือกถือครองในระยะยาวเพิ่มขึ้น แม้จำนวนเหรียญที่ไม่สามารถซื้อขายได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ในเวลาเดียวกัน ปริมาณธุรกรรมบนเครือข่ายกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถือว่าน่าจับตามอง
ด้าน SEC ได้ระบุในคำแนะนำล่าสุดว่า ลิควิดสเตกกิง (Liquid Staking) หรือสเตกแบบมีสภาพคล่อง อาจไม่เข้าข่ายหลักทรัพย์ภายใต้บางเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากความเห็นที่สวนทางกันจากคณะกรรมาธิการบางราย
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดมองว่า “คำอธิบายที่ไม่ชัดเจนของ SEC ยังไม่สามารถขจัดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบได้อย่างสมบูรณ์” พร้อมเสริมว่า “นักลงทุนอยู่ในภาวะกึ่งมองโลกในแง่ดีและกึ่งรอลุ้นความชัดเจนจากภาครัฐ”
การที่ *คำแนะนำของ SEC* และการพุ่งขึ้นของปริมาณการสเตกเกิดควบคู่กัน ส่งผลให้การใช้งานเครือข่ายและอัตราการมีส่วนร่วมในระบบการกำกับดูแลของอีเธอเรียมมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องไปอีกระยะ ท่ามกลางการจับตาว่าภาวะแวดล้อมด้านกฎระเบียบจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ซึ่งอาจส่งผลชี้ขาดต่อ *สภาพคล่องของ ETH* และระดับ *ความมั่นคงของเครือข่าย* ในอนาคต
ความคิดเห็น 0