นักพัฒนาอีเธอเรียม(ETH) บริจาคเพิ่ม 500,000 ดอลลาร์ หนุนกองทุนกฎหมายโทนาโด แคช

เฟเดริโก การโรเน(Federico Carrone) นักพัฒนาหลักของอีเธอเรียม(ETH) ประกาศว่าจะบริจาคเงินเพิ่มอีก *500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69.5 ล้านบาท)* ให้แก่กองทุนสนับสนุนทางกฎหมายของโรมัน สตอร์ม(Roman Storm) ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการโทนาโด แคช(Tornado Cash) ที่กำลังเผชิญการพิจารณาคดีใหม่ในนิวยอร์กหลังถูกดำเนินคดีในประเด็นด้านการฟอกเงินและการละเมิดกฎหมายการส่งเงินโดยไม่มีใบอนุญาต

การโรเนเผยผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “ประสบการณ์ของผมในประเทศตุรกีเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเพิ่มการบริจาคจากเดิม *50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.95 ล้านบาท)* เพิ่มขึ้นสิบเท่า” โดยเขาเผยว่าถูก *ควบคุมตัวโดยทางการตุรกีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง* จากข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวของอีเธอเรียม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาทบทวนจุดยืนของตนอย่างจริงจัง

เขาอธิบายเสริมว่า “หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมรู้สึกว่าผมต้องแสดงจุดยืนของตัวเองให้ชัดเจน” พร้อมเผยว่า *มูลนิธิอีเธอเรียมมีแผนจะสมทบเงินบริจาคเพิ่มเติมสูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ* ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจในการตัดสินใจครั้งนี้ โดยทีมของเขากำลังเตรียมขั้นตอนการโอนทุนในขณะนี้

โรมัน สตอร์มเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริการมิกซ์คริปโตโทนาโด แคช ซึ่งถูก *ฟ้องในปี 2023* โดยมีข้อกล่าวหาหนักเกี่ยวกับการ *ฟอกเงิน, ดำเนินธุรกิจส่งเงินแบบไร้ใบอนุญาต และละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ* เนื่องจากโครงการโทนาโด แคชถูกใช้เป็นทางผ่านของเงินจากกลุ่มหรือบุคคลที่อยู่ในรายชื่อคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ

ปัจจุบัน กองทุนป้องกันทางกฎหมายของสตอร์มมีเงินสะสมแล้วประมาณ *5.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 751 ล้านบาท)* ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนจากมูลนิธิอีเธอเรียม และมูลนิธิโกลเล็ม(Golem Foundation) โดยผู้สนับสนุนของเขาเน้นย้ำจุดยืนที่ว่า *“การเขียนโค้ดไม่ควรถือเป็นอาชญากรรม”*

อย่างไรก็ดี คณะลูกขุนในนิวยอร์กเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้ลงคะแนนว่า *สตอร์มมีความผิดในข้อหาร่วมดำเนินธุรกิจโอนเงินโดยไม่มีใบอนุญาต* ส่วนในอีกสองข้อกล่าวหาที่ยังไม่มีคำตัดสิน ทำให้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการพิจารณาคดีใหม่

โทนาโด แคชในฐานะ *โปรโตคอลมิกซ์สกุลเงินดิจิทัลเพื่อรักษาความเป็นนิรนาม* เคยตกเป็นเป้าหมายของหน่วยงานกำกับดูแลหลายครั้ง ทั้งในด้านกฎหมายและจริยธรรม ซึ่งกรณีของสตอร์มกำลังกลายเป็น *จุดชี้ขาดสำคัญระหว่างเสรีภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีกับความรับผิดชอบทางกฎหมายของนักพัฒนาในโลกคริปโต*