การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งใหม่(IPO) มูลค่าประมาณ 1.59 แสนล้านวอน หรือราว 1.15 พันล้านดอลลาร์ของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตสัญชาติอเมริกันอย่าง *บูลลิช(Bullish)* กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการ หลังจากมีการใช้ *อาร์แอลยูเอสดี(RLUSD)* สเตเบิลคอยน์ของริปเปิล(Ripple) เป็น ‘เครื่องมือชำระเงินหลัก’ ในกระบวนการระดมทุนครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้สเตเบิลคอยน์อย่างเป็นทางการใน IPO ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงการบรรจบกันของ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ และ ‘การเงินแบบดั้งเดิม’
สำหรับ RLUSD เป็นสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐ และออกโดยริปเปิลบนบล็อกเชน *เอ็กซ์อาร์พีเลดเจอร์(XRP Ledger)* โดยบริษัทได้ระบุผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียว่า การใช้งาน RLUSD ใน IPO นี้ถือเป็น ‘หมุดหมาย’ สำคัญที่เปลี่ยนกระบวนการชำระเงินให้อยู่ ‘บนเชน’ เต็มรูปแบบ พร้อมย้ำว่าสเตเบิลคอยน์กำลังกลายเป็น ‘ทางเลือกใหม่’ สำหรับการระดมทุนในอนาคต
*บูลลิช* ระบุว่าเม็ดเงินจากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวส่วนใหญ่ได้จาก RLUSD ซึ่งจากข้อมูลของ CoinMarketCap ปัจจุบันมีมากกว่า 76% ของปริมาณการซื้อขาย RLUSD เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มนี้ โดยมีคู่เทรดยอดนิยม ได้แก่ RLUSD/USDC (คิดเป็น 40.86%) และ XRP/RLUSD (คิดเป็น 35.92%) ซึ่งสะท้อนว่า RLUSD ได้ ‘ขยายสภาพคล่อง’ ในตลาดได้สำเร็จ
นับตั้งแต่ RLUSD เปิดตัวทั่วโลกเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ก็ได้ถูกนำไปจดทะเบียนในตลาดซื้อขายคริปโตสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น *อัพโฮลด์(Uphold)*, *บิตโซ(Bitso)* และ *อาร์ชแอ็กซ์(Archax)* ล่าสุดยังได้รับการบูรณาการเข้ากับแพลตฟอร์มการชำระเงิน *เมช(Mesh)* ซึ่งรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 50 รายการทั่วโลก โดยปัจจุบัน RLUSD มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 9.27 หมื่นล้านวอน หรือราว 666 ล้านดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวนี้ยังสอดคล้องกับการออกกฎหมาย ‘GENIUS Act’ ฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นกฎหมายกลางฉบับแรกที่ให้คำจำกัดความและแนวทางชัดเจนสำหรับ *สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์แบบ 1:1* และ RLUSD ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการชำระเงินบนเชนนั้นสามารถ ‘สอดรับกับกรอบกฎหมาย’ ได้ในทางปฏิบัติ
ความคิดเห็นจากวงการคาดว่า RLUSD จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น IPO การจัดหาเงินทุน หรือการชำระเงินแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในยุคที่บล็อกเชนเริ่มทอดรากลึกในระบบการเงินแบบเดิม RLUSD กำลังถูกมองว่าอาจกลายเป็น *โครงสร้างพื้นฐานของเงินดิจิทัล* ที่ใช้ได้ทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0