ราคาของริปเปิล(XRP) อาจพุ่งสูงถึง *200 ดอลลาร์* (ราว 278,000 บาท) ตามบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์คริปโตที่ใช้โมเดลการถดถอยเชิงเส้นแบบล็อกสเกลเป็นเครื่องมือคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาปัจจุบันและข้อมูลบนเชนกลับ *สวนทาง* กับแนวโน้มดังกล่าว
เมื่อวันที่ 24 นักวิเคราะห์ EGRAG CRYPTO เผยแพร่โมเดลคาดการณ์ราคาระยะยาวของริปเปิล โดยใช้การวิเคราะห์เชิงสถิติร่วมกับช่องเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 เท่า ผลลัพธ์ของโมเดลมีค่าดัชนีอธิบายผลลัพธ์หรือ R² อยู่ที่ 0.84754 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าเชื่อถือ *ความคิดเห็น* โมเดลนี้ยังพบว่า ในอดีตราคาของ XRP เคยแตะหรือทะลุขอบบนของโมเดลมาแล้วถึง 3 ครั้ง
ตามโมเดลดังกล่าว ริปเปิลอาจมีแนวโน้มเคลื่อนไหวได้ 3 แบบ ได้แก่ หนึ่ง หากปรับขึ้นแตะกรอบบนของโมเดลอีกครั้ง จะมีโอกาสแตะระดับ *27 ดอลลาร์* (ราว 37,530 บาท) สอง หากเกิดความคลาดเคลื่อนคล้ายปี 2021 อาจหยุดอยู่ที่ *18 ดอลลาร์* (ประมาณ 25,020 บาท) และสาม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ ‘สุดโต่งที่สุด’ คือการพุ่งขึ้นแตะ *200 ดอลลาร์* ซึ่งจะต้องเกิดการขึ้นราคาซ้ำรอยปี 2018 ที่เคยพุ่งขึ้นกว่า 570% ภายในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งอย่าง CryptoVizArt เห็นต่าง โดยมองว่าริปเปิลยังคง *ติดอยู่ในรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร* และราคามีแนวต้านสำคัญที่ระดับ *3.3 ดอลลาร์* (ราว 4,590 บาท) พร้อมแนวรับที่ *2.8 ดอลลาร์* (ประมาณ 3,890 บาท) ซึ่งหมายถึงว่าตลาดยังอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง
ด้านข้อมูลเครือข่ายก็บ่งชี้ถึงภาวะที่ไม่สดใสนัก โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน Glassnode ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม จำนวนกระเป๋าเงินที่มีการใช้งานอยู่ที่ *38,303 บัญชี* ลดลงอย่างมากจากช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่เคยพุ่งทะลุ *500,000 บัญชี*
ปัจจุบัน ราคาของริปเปิลอยู่ที่ประมาณ *3 ดอลลาร์* (ราว 4,170 บาท) โดยมีการปรับขึ้นเพียง 0.2% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และหากดูจากกรอบเวลา 7 วัน ราคาปรับขึ้น 3.6% แต่ยังคงลดลงราว 7.3% เทียบกับสองสัปดาห์ก่อน ขณะที่ในระยะเวลา 30 วันขึ้นมา 4.9% และหากเทียบตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นแล้ว 420% โดยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา XRP เคยแตะราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ไว้ที่ *3.65 ดอลลาร์* (ประมาณ 5,070 บาท) ก่อนจะเริ่มมีแรงขายออกมาในระยะหลัง
*ความคิดเห็น* หากริปเปิลจะสามารถพุ่งขึ้นแตะระดับ 200 ดอลลาร์ได้จริง นั่นหมายถึงตัวเครือข่ายต้องมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และโครงสร้างตลาดต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้โมเดลดังกล่าวจะให้ข้อมูลเชิงทฤษฎีที่น่าสนใจ ทว่าตลาดในปัจจุบันยังคง *ไม่ยอมรับ* ความเป็นไปได้ในระดับนั้น
ความคิดเห็น 0