Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ตลาดคริปโตเข้าสู่ยุคอำนาจใหม่: สเตเบิลคอยน์, ETF และเทคโนโลยีบล็อกเชนขับเคลื่อนระบบ

ตลาดคริปโตเข้าสู่ยุคอำนาจใหม่: สเตเบิลคอยน์, ETF และเทคโนโลยีบล็อกเชนขับเคลื่อนระบบ / Tokenpost

อุตสาหกรรมคริปโตเคลื่อนตัวออกจากโครงสร้างอำนาจแบบเดิมที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ ‘ตลาดซื้อขาย’ และ ‘หน่วยงานกำกับดูแล’ เข้าสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘การเงินบนบล็อกเชน’ และ ‘เทคโนโลยีระดับลึก’ โดยมีแกนหมุนหลัก 5 ด้าน ได้แก่ *สเตเบิลคอยน์, กองทุน ETF, การอัปเกรดเทคโนโลยีบล็อกเชน, ความปลอดภัยของพื้นที่บล็อก และโครงสร้างพื้นฐานด้านประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง*

หลังปี 2024 เป็นต้นมา ทิศทางของอุตสาหกรรมคริปโตไม่ได้ถูกกำหนดโดยการชิงอำนาจระหว่างตลาดซื้อขายกับหน่วยงานรัฐอีกต่อไป แต่กลับหันไปสู่องค์ประกอบใหม่ที่มีพลังมากกว่า ทั้ง *สเตเบิลคอยน์* ที่เป็นตัวแทนของสภาพคล่องดอลลาร์ในระบบ, การขยายตลาดทุนผ่านการโทเคนไนซ์และกองทุน ETF, การกำหนดโรดแมปของแพลตฟอร์มอย่าง *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)*, ระบบความปลอดภัยในพื้นที่บล็อก และศักยภาพในการประมวลผลธุรกรรมจำนวนมากในเสี้ยววินาที

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ *ETF บิตคอยน์แบบสปอต* ซึ่งกลายเป็นช่องทางหลักในการดึงดูดเงินทุนสถาบันเข้าสู่วงการ โดยเฉพาะ ‘IBIT’ ซึ่งบริหารโดยแบล็คร็อก แบล็คร็อกมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) สูงถึง 85,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 11.8 ล้านล้านวอน ซึ่งสะท้อนถึงการยึดครองความเป็นผู้นำในตลาดนี้อย่างมั่นคง

ขณะเดียวกัน *สเตเบิลคอยน์* ก็เร่งบทบาทในฐานะสื่อกลางชำระเงินดิจิทัลระดับโลก โดยเฉพาะหลังการผลักดันร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ ผ่านสภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งเปิดทางให้สเตเบิลคอยน์เข้าสู่กรอบกฎหมายกลางของรัฐบาลกลาง และเป็นสัญญาณการรวมเข้ากับการเงินกระแสหลักที่เด่นชัดมากขึ้น

ในด้านเทคโนโลยี *อีเธอเรียม* ขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านการอัปเกรด ‘เป็กตรา(Pectra)’ สำหรับกระเป๋าสตางค์ผู้ใช้ ในขณะที่ *โซลานา(SOL)* เตรียมเปิดตัว ‘ไฟร์แดนเซอร์(Firedancer)’ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์คลาสใหม่สำหรับผู้ตรวจสอบ ที่ชูจุดเด่นในเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพ นอกจากนี้โปรเจกต์ *EigenLayer* ยังเสนอแนวคิดใหม่ด้วยการเปลี่ยน ETH ที่ถูกสเตกไว้ให้กลายเป็น*สินทรัพย์ความปลอดภัยแบบให้เช่า* ซึ่งได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นิยามใหม่ของคำว่า ‘อำนาจ’ ในตลาดคริปโตนั้น ไม่ได้หมายถึงแค่ผลกระทบต่อทิศทางของตลาด แต่หมายถึงการควบคุม *การไหลของเงินทุนและการจัดสรรบล็อกสเปซ*, *สิทธิในการกำหนดโรดแมปเทคโนโลยี*, และ *ความสามารถในการลงมือทำโรดแมปเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพภายในไม่กี่ไตรมาส*

ตัวบุคคลที่ถูกรับรู้ว่าทรงอิทธิพลมากที่สุดในกระแสใหม่นี้คือ ลาร์รี ฟิงก์(Larry Fink) ซีอีโอของแบล็คร็อก เขาไม่เพียงแต่ผลักดัน IBIT ให้เป็นสินทรัพย์รายใหญ่ในตลาด ETF บิตคอยน์เท่านั้น แต่ยังเปิดตัวโครงการ ‘BUIDL’ ที่ใช้แนวคิดโทเคนไนซ์สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในระดับสถาบัน โดยนำตลาดโทเคนเป็นเครื่องมือการลงทุนหลัก ทั้งนี้ BUIDL ยังสามารถใช้งานได้บนหลากหลายบล็อกเชน ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงเครือข่ายใดเครือข่ายหนึ่ง จึงตอบโจทย์เรื่องความยืดหยุ่นและการขยายตัว

ที่สำคัญคือ แบล็คร็อกได้ประกาศเดินหน้าขยาย *ชุดผลิตภัณฑ์ ETF คริปโต* ไปไกลกว่าเพียงแค่บิตคอยน์และอีเธอเรียม ซึ่งถือเป็นการเร่งปูทางสำหรับการเข้าสู่ระบบออนเชนของสถาบันการเงินระดับโลกแบบเต็มรูปแบบ

ในวันนี้ ศูนย์กลางอำนาจของตลาดคริปโตไม่ได้อยู่ที่การแย่งกันตั้งกฎของหน่วยงานกำกับหรือการแข่งขันกันเรื่องค่าธรรมเนียมในตลาดอีกต่อไป แก่นแท้ของอำนาจใหม่คือจุดตัดระหว่าง *เทคโนโลยี, เงินทุน, ความเร็ว และความปลอดภัย*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1