SEC สหรัฐฯ เสนอแผนผ่อนปรนกฎคริปโต ดันนวัตกรรม–ลดข้อพิพาทกฎหมาย

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้เสนอแผนแนวทางการกำกับดูแลใหม่สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งอาจเปลี่ยนทิศทางหลักของกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้โดยสิ้นเชิง ตามแผนงานด้านกฎระเบียบประจำฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 ซึ่งรวมร่างข้อเสนอราว 20 ฉบับที่สามารถส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตโดยตรง โดยให้ความสำคัญกับ *‘การลดความไม่แน่นอน’* ในตลาดและการกระตุ้น *‘นวัตกรรม’* ผ่านการ *‘ผ่อนปรนกฎเกณฑ์’* และทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น

พอล แอทกินส์(Paul Atkins) ประธาน SEC ระบุว่า ร่างข้อเสนอในครั้งนี้ครอบคลุมกฎใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการ ‘ออกและจำหน่าย’ สินทรัพย์ดิจิทัล โดยมุ่งเน้นทั้งการคุ้มครองนักลงทุนและการส่งเสริมการเติบโตในอุตสาหกรรม เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลายข้อเสนอรวมถึง *‘ข้อยกเว้นความรับผิดบางประการ’* และ *‘มาตรการผ่อนปรน’* ที่เกี่ยวข้องกับการออกโทเคน นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงการปรับแก้กฎหมายตลาดหลักทรัพย์เดิมให้ครอบคลุมการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่กระทำผ่านระบบการซื้อขายทางเลือก(ATS) หรือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับประเทศ

หากข้อเสนอเหล่านี้ได้รับการบังคับใช้จริง บริษัทสตาร์ตอัปและโปรเจกต์ด้านดิจิทัลจะสามารถดำเนินงานได้ภายใต้กรอบกฎหมายที่มี *‘ความชัดเจน’* มากขึ้น ความไม่แน่นอนทางกฎหมายซึ่งมักนำไปสู่การฟ้องร้องก็มีแนวโน้มลดลง อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการปรับปรุงกฎเกี่ยวกับ ‘ความรับผิดชอบด้านการเงิน’ ที่บังคับใช้กับโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ ซึ่งอาจจะ *ช่วยลดภาระการรายงานภายในอุตสาหกรรมคริปโตลงได้* ความคิดเห็นจากภาคธุรกิจระบุว่า กฎระเบียบโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ในปัจจุบันได้นำมาซึ่งข้อจำกัดที่ *‘ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง’* โดยเฉพาะในแง่การปฏิบัติตามเกณฑ์ลูกค้ารู้จักกัน(KYC) และการป้องกันการฟอกเงิน(AML) ที่เข้มงวดเกินกว่าที่ผู้เข้าร่วมเครือข่ายจะสามารถปฏิบัติได้ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง SEC กับภาคอุตสาหกรรมมาโดยตลอด

ด้านบริษัทวินเทอร์มิวต์(Wintermute) ซึ่งเป็นผู้จัดหาสภาพคล่องและทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องรายสำคัญ ก็ได้ยื่นความเห็นต่อ SEC โดยชี้แจงอย่างชัดเจนว่า *‘โทเคนในเครือข่ายไม่ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ภายใต้กฎของ SEC’* บริษัทเตือนว่า หากยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้ อาจนำมาซึ่ง *‘ข้อผิดพลาดในการกำกับดูแล’* ที่จะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อ *‘นวัตกรรมและการนำคริปโตไปใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต’*

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) ซีอีโอของคอยน์เบส(Coinbase) ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์(AI) ได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มถึงขั้น *‘สามารถเขียนโค้ดได้มากกว่าครึ่ง’* โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดของบริการ ในบริบทนี้ จึงน่าสนใจว่า ท่าทีที่เปิดกว้างของผู้กำกับดูแลสหรัฐฯ จะสามารถประสานสอดคล้องกับ *‘ความเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรมของอุตสาหกรรมคริปโต’* ได้มากน้อยเพียงใดในปีที่จะถึงนี้