คดีฟ้องร้องระหว่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) กับบริษัทริปเปิล(Ripple) ที่ยืดเยื้อมานานหลายปีได้เดินทางมาถึง ‘บทสุดท้าย’ แล้ว เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม SEC ได้ยื่นข้อตกลงร่วมในการถอนอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนการปิดคดีอย่างสมบูรณ์
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม SEC และฝ่ายริปเปิล นำโดยบริษัท ริปเปิลแล็บส์(Ripple Labs), แบรด การ์ลิงเฮาส์(Brad Garlinghouse) ซีอีโอ, และคริส ลาร์เซน(Chris Larsen) ประธานบริษัท ได้ยื่นข้อตกลงร่วมถอนทั้งการอุทธรณ์และการตอบโต้ กลับสู่ศาลอุทธรณ์รอบที่ 2 นั่นหมายความว่าการดำเนินคดีทางแพ่งโดย SEC ได้สิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการรับรองอย่างเป็นทางการจากศาลเท่านั้น
มาร์ก ฟาเกล(Marc Fagel) อดีตผู้อำนวยการสำนักงาน SEC ประจำซานฟรานซิสโกให้ ‘ความคิดเห็น’ ว่า ขณะนี้คดีของริปเปิลไม่ได้อยู่ในขอบเขตของศาลชั้นต้นอีกต่อไป และผู้พิพากษาแอนาลิซา ตอร์เรสก็จะไม่สามารถมีบทบาทในคดีนี้ได้อีก เขาระบุว่า “นี่ไม่ใช่คดีที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของผู้พิพากษาตอร์เรส” เป็นการสื่อว่าตัวคดีได้ปิดฉากลงแล้วในทางปฏิบัติ
ด้านบิล มอร์แกน(Bill Morgan) นักกฎหมายและผู้สนับสนุน XRP ย้ำว่ารายงานสถานะที่ยื่นล่าสุดมีลักษณะเป็น ‘ขั้นตอนทางเทคนิค’ เท่านั้น ไม่มีผลใดๆ ต่อประเด็นทางกฎหมายหรือผลการตัดสินเดิม เพราะตัวคดีถูกยุติไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว เหลือเพียงการรอคำอนุมัติอย่างเป็นทางการจากศาล
คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 เมื่อ SEC กล่าวหาว่าบริษัทริปเปิลมีการขายเหรียญเอ็กซ์อาร์พี(XRP) โดยไม่ผ่านการจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้อุตสาหกรรมคริปโตฯ ทั่วโลกหันมาจับตาการกำกับดูแลของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายบรรลุ ‘ข้อตกลง’ หลังต่อสู้ยืดเยื้อมายาวนานกว่าเกือบ 5 ปี
สจวร์ต อัลเดอโรตี(Stuart Alderoty) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของริปเปิล ออกมากล่าวทันทีหลังมีการยื่นเอกสารถอนอุทธรณ์ว่า “ข้อตกลงนี้คือบทสุดท้ายของคดีนี้อย่างแท้จริง” ขณะเดียวกัน SEC ก็ได้แสดงท่าทีลดแรงกดดันต่อวงการคริปโตฯ ด้วยการทยอยยุติคดีที่มีต่อบริษัทต่างๆ อย่างไบแนนซ์, คอยน์เบส และคราเคนอย่างต่อเนื่อง
จากข้อตกลงล่าสุด ผู้ถือเหรียญเอ็กซ์อาร์พีซึ่งเผชิญความไม่แน่นอนทางกฎหมายมายาวนานจึงเกิดความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ริปเปิลเองก็จะมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจระดับโลกมากยิ่งขึ้น ข้อตกลงระหว่าง SEC กับริปเปิลจึงไม่ได้เป็นเพียงการปิดคดีหนึ่งเรื่อง แต่ยังอาจกลายเป็น ‘หลักฐานสำคัญ’ สำหรับแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตอีกด้วย
ความคิดเห็น 0