คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) กำลังแสดงจุดยืนที่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน ‘การเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญภายใต้ยุคของประธานาธิบดีทรัมป์’ อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่านักลงทุนยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบการเงินของสหรัฐฯ ได้อย่างครบถ้วน
แมตต์ ฮูแกน(Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบิตไวส์(Bitwise) ระบุว่า ถึงแม้สหรัฐฯ จะกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลกที่เริ่มมีสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ตลาด ‘ยังประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง’ โดยชี้ว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจช่วยเร่งให้เกิดการนำคริปโตมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต
ในประเด็นนี้ SEC ได้เปิดตัว ‘โครงการคริปโต(Project Crypto)’ ตามข้อเสนอแนะจากคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของทำเนียบขาว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างกฎระเบียบที่มีความชัดเจนและสอดคล้องกันทั่วทั้งระบบ
ความเคลื่อนไหวที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้ คือคำประกาศเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ‘ลิควิดสเตกกิง(liquid staking)’ โดย SEC ระบุอย่างชัดเจนเมื่อวันที่ 5 ว่า กิจกรรมบางรูปแบบในหมวดนี้ไม่เข้าข่ายภายใต้กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ “ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละสถานการณ์ กิจกรรมดังกล่าวไม่ได้เป็นการออกหลักทรัพย์ตามกฎหมายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล” SEC กล่าวในแถลงการณ์ดังกล่าว โดยลิควิดสเตกกิงหมายถึงการนำคริปโตเคอร์เรนซีไปสเตกผ่านโปรโตคอลที่กำหนด และได้รับโทเคนที่สามารถใช้งานได้แทนมาเป็นผลตอบแทน
พอล แอตกินส์(Paul Atkins) ประธาน SEC กล่าวว่า “แนวทางที่ออกมาในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะระบุอย่างชัดเจนว่า กิจกรรมคริปโตลักษณะใดที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของ SEC” ข้อมูลจาก DefiLlama ระบุว่า ปัจจุบันตลาดลิควิดสเตกกิงมีมูลค่ารวมประมาณ 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 79.2 ล้านล้านวอน) โดยสินทรัพย์กลุ่มอีเธอเรียม(ETH) มีสัดส่วนสูงถึง 51,000 ล้านดอลลาร์
ท่าทีที่เป็นมิตรของ SEC ต่อคริปโต ถูกมองว่าเป็นสัญญาณบวกจากฝ่ายกำกับดูแล แต่ฮูแกนยังยืนยันว่า “นโยบายแนวทางใหม่ของ SEC ยังไม่ถูกสะท้อนในราคาสินทรัพย์ในตลาดเลย” เขากล่าวถึงช่วงที่แอตกินส์เผยแพร่ความเห็นต่อบล็อกเชนผ่านสถาบันนโยบายอเมริกาฟิร์สต์ ว่า “ไม่คิดว่า SEC จะยอมรับว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนคือโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับระบบการเงินแห่งอนาคต แต่ตอนนี้แม้แต่นายแอตกินส์ก็พูดเช่นนั้น ตลาดยังตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เลย”
ฮูแกนกล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่ผมเคยอ่านแล้วมองว่าเป็นเอกสารที่มีแนวโน้มคริปโตมากที่สุด ไม่ได้มาจากทวิตเตอร์หรือฟอรั่มออนไลน์ แต่เป็นเอกสารทางการที่ออกโดยประธาน SEC” สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่มีน้ำหนักจริงในภาคนโยบาย ด้านแอตกินส์ก็เคยให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า “โทเคนไรเซชัน(Tokenization) คือเทคโนโลยีที่ทรงพลัง” พร้อมระบุชัดเจนว่า “ยุคที่เน้นใช้การบังคับทางกฎหมายเป็นกลไกกำกับ(‘regulation through enforcement’) ควรยุติได้แล้ว”
การปฏิรูปแนวทางของ SEC อาจนำไปสู่ ‘การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน’ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และรวมถึงแนวโน้มการเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือ IPO ของบริษัทคริปโตที่เร็วขึ้น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า ทิศทางใหม่นี้เป็นมากกว่าการผ่อนคลายกฎระเบียบ แต่เป็น ‘ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ’ ที่สามารถเปลี่ยนบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบการเงินของสหรัฐฯ ได้อย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0