ความผันผวนในตลาดคริปโตกลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์เวลา 08.00 น. (UTC) มูลค่าสัญญาออปชันของ *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* มีกำหนดหมดอายุรวมกันประมาณ 6,533 พันล้านวอน ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางตลาด โดยเฉพาะในส่วนของบิตคอยน์ที่มีออปชันหมดอายุรวมกว่า 4,559 พันล้านวอน หรือประมาณ 328 ล้านดอลลาร์ โดยมีอัตราส่วน *Put/Call* ที่ 1.38 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะการวางเดิมพันในฝั่งขาลงที่เด่นชัด
แม้จะมีมูลค่าไม่สูงเท่ากับการชำระบัญชีขนาดใหญ่ในปลายเดือนก่อนหน้า แต่ด้วยบรรยากาศตลาดที่ยังอยู่ในช่วงอ่อนตัว *ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการร่วงลงอีกระลอกยังไม่สามารถตัดออกไปได้* โดยบริษัทวิเคราะห์อนุพันธ์ กรีกส์ไลฟ์(Greeks Live) ระบุว่า "ความผันผวนโดยนัย (IV) ในระยะสั้นพุ่งขึ้นถึง 40% สำหรับบิตคอยน์ และ 70% สำหรับอีเธอเรียม" พร้อมนิยามแนวโน้มขณะนี้ว่าเป็น *‘ขาลงที่ชัดเจน’*
ราคาที่ใช้ประเมิน 'จุดเจ็บปวดสูงสุด (Max Pain)' ซึ่งเป็นระดับราคาที่ทำให้นักลงทุนออปชันขาดทุนรวมสูงที่สุด ก็เป็นอีกปัจจัยที่ตลาดจับตาเป็นพิเศษ โดยในกรณีของบิตคอยน์ จุด Max Pain อยู่ที่ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.56 ล้านบาท) ซึ่งยังมีระยะห่างจากราคาตลาดปัจจุบัน ขณะที่ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์เดอริบิต(Deribit) ระบุว่าราคาใช้สิทธิที่มีสถานะค้างมากที่สุดตกอยู่ที่ 140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 19.46 ล้านบาท) สะท้อนว่าตลาดน่าจะอยู่ในช่วงพักฐานมากกว่าการพุ่งขึ้นแรง ในทางกลับกัน บริเวณ 95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 13.21 ล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนฝั่ง ‘ขาลง’ วางเดิมพันอย่างหนาแน่น ก็มีสถานะค้างที่สูงถึง 2,502 พันล้านวอน หรือประมาณ 180 ล้านดอลลาร์
ในฝั่งของอีเธอเรียม สัญญาออปชันที่กำลังจะหมดอายุมีมูลค่าประมาณ 1,765 พันล้านวอน หรือประมาณ 127 ล้านดอลลาร์ จุด Max Pain อยู่ที่ 4,400 ดอลลาร์ (ราว 6.11 แสนบาท) โดยมีอัตราส่วน *Put/Call* ที่ 0.78 ซึ่งสะท้อนมุมมองเชิงบวกมากกว่าบิตคอยน์ แต่กราฟราคาก็ยัง *ติดอยู่ในกรอบแคบ* ไม่สามารถทะลุแนวต้านได้ชัดเจน
บรรยากาศตลาดโดยรวมยังคงซบเซา โดยในช่วงเช้าตลาดเอเชีย มูลค่ารวมของสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกอยู่ที่ราว 3.91 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,434 ล้านล้านวอน) ลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า ราคาบิตคอยน์ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 112,000 ดอลลาร์ และเคลื่อนไหวบริเวณ 111,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.51 ล้านบาท) ส่วนอีเธอเรียมแม้พยายามยืนเหนือระดับ 4,400 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายอ่อนตัวลงสู่ระดับ 4,330 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.01 แสนบาท)
กรีกส์ไลฟ์ให้ความเห็นว่า “การอ่อนตัวของหุ้นคริปโตในตลาดหุ้นสหรัฐ เช่น ไมโครสแตรทิจี มีบทบาทอย่างยิ่งในการกดดันราคาสินทรัพย์ดิจิทัล” พร้อมชี้ว่าประวัติศาสตร์ชี้ว่า *กันยายนมักเป็นเดือนที่มีสภาพคล่องบาง* ประกอบกับตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่แย่กว่าคาด ทำให้เริ่มมีการพูดถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย หากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคมารวมกับเหตุการณ์สำคัญในตลาดอนุพันธ์อย่างครบถ้วน อาจทำให้ตลาดเกิด *ความผันผวนที่ไม่คาดคิด*
ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์หมดอายุของสัญญาออปชันในวันนี้จึงถือเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลในระยะสั้น นักลงทุนควรติดตามทิศทางอย่างใกล้ชิด.
ความคิดเห็น 0