แม้เทคโนโลยีเกี่ยวกับคริปโตจะพัฒนาไปไกล แต่ผู้ใช้จำนวนมากยังคงประสบปัญหา ‘สูญเสียกระเป๋าเงินดิจิทัล’อย่างต่อเนื่อง และทำให้ ‘มูลค่าบิตคอยน์(BTC) ที่สูญหาย’แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ บริษัทด้านความปลอดภัยในคริปโตอย่าง ‘เลเจอร์(Ledger)’ วิเคราะห์ว่า ณ ช่วงต้นปี 2025 มีบิตคอยน์ระหว่าง 2.3 ล้านถึง 3.7 ล้านเหรียญซึ่งไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันประมาณ 138,000 ล้านถึง 222,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 191 ล้านล้านถึง 308 ล้านล้านวอน ซึ่งข้อมูลนี้ชี้ชัดว่าปัญหา ‘บิตคอยน์หาย’ ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อปี 2024 FBI รายงานว่ามูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงด้านคริปโตในสหรัฐฯ สูงถึง 9,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12.9 ล้านล้านวอน โดย ‘ผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป’ ซึ่งไม่คุ้นเคยกับการเงินดิจิทัลตกเป็นเหยื่อหลักในหลายกรณี โดยเฉพาะการถูกลวงให้เข้าสู่ ‘กลโกงกู้คืนเงิน (Recovery Scam)’ ซึ่งอ้างว่าจะช่วยนำเงินของพวกเขาคืนกลับมา ความจริงแล้วปัญหานี้ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงสร้างของวอลเล็ต ที่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำหน้าแค่ไหน แต่หากผู้ใช้ ‘ทำหายทั้งรหัสและ seed phrase’ ก็ยังคงกู้คืนไม่ได้อยู่ดี
หากไม่สามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินของตนเองได้ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการระบุ ‘ประเภทของกระเป๋าเงิน’ อย่างชัดเจน โดยทั่วไปวอลเล็ตแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือ ‘กระเป๋าแบบควบคุมโดยบุคคลที่สาม’ หรือ Custodial Wallet ซึ่งให้บริการโดยกระดานเทรดอย่าง ไบแนนซ์, คราเคน และคอยน์เบส วอลเล็ตประเภทนี้สามารถรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านอีเมล หรือยืนยันตัวตนผ่านกระบวนการ KYC จึงสามารถกู้คืนได้กรณีลืมข้อมูล
ทว่ากระเป๋าเงินอีกประเภทอย่าง ‘กระเป๋าแบบไม่ควบคุม’ หรือ Non-Custodial Wallet เช่น เมตาแมสก์, ทรัสต์วอลเล็ต หรือวอลเล็ตฮาร์ดแวร์อย่างเรเจอร์ ผู้ใช้งานจะต้องเป็นผู้เก็บรักษา ‘รหัสผ่านและ seed phrase’ ด้วยตัวเอง หากทำหายทั้งสองอย่าง การเข้าถึงสินทรัพย์กลับมาแทบเป็นไปไม่ได้ "ความคิดเห็น" จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจำนวนมากล้วนเห็นพ้องกันว่าหากเหลือ seed phrase เพียงอย่างเดียว ยังสามารถนำกระเป๋ากลับมาใช้ได้บนอุปกรณ์ใหม่ แต่หากสูญเสียทุกอย่าง เงินทุนก็จะหายไปตลอดกาล
ที่น่าตกใจคือปัจจุบันมีการหลอกลวงในรูปแบบ ‘บริษัทกู้คืนวอลเล็ตปลอม’ ซึ่งแพร่ระบาดทางอีเมลและโซเชียลมีเดีย โดยพยายามหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์ หรือนำเสนอให้โอนเงินล่วงหน้าเพื่อเป็นค่าบริการ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า “บริการกู้คืนของจริง จะไม่มีการขอบริการล่วงหน้า และต้องมีบริษัทจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย พร้อมชื่อเสียงที่ได้รับการยืนยัน” พร้อมแนะนำให้เลือกใช้เฉพาะบริษัทที่ทำงานร่วมกับองค์กรด้านความปลอดภัยชื่อดังหรือได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาทางกฎหมายเท่านั้น
เมื่อความสะดวกในการเข้าถึงกระเป๋าคริปโตเพิ่มสูงขึ้น ผู้ใช้ยิ่งต้องใส่ใจใน *การจัดการข้อมูลพื้นฐาน* เพราะไม่เช่นนั้น ไม่มีเทคโนโลยีใดสามารถช่วยปกป้องสินทรัพย์ได้ "ความคิดเห็น" จากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะให้สำรองข้อมูลอย่างน้อย 2 ช่องทาง เช่น ‘บันทึกบนกระดาษ’, ตัวจัดการรหัสผ่าน หรือใช้การแบ็กอัปแบบออฟไลน์เพื่อปกป้อง seed phrase และข้อมูลวอลเล็ตของตนเอง
แม้จะก้าวเข้าสู่ปี 2025 แต่ปัญหาด้านความปลอดภัยในโลกคริปโตก็ยังคงขึ้นอยู่กับ ‘พฤติกรรมของผู้ใช้’ เป็นหลัก การสร้างวินัยในการจัดเก็บข้อมูลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลในโลกอนาคต
ความคิดเห็น 0