นิค โทมาโน ผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนในคริปโตเคอเรนซี 1คอนเฟอร์เมชัน(1confirmation) และอดีตผู้บริหารของคอยน์เบส(Coinbase) ได้ออกมาคาดการณ์อนาคตของอุตสาหกรรมคริปโตในระยะ 15 ปีข้างหน้าอย่างน่าสนใจ โดยเขาระบุว่า หากช่วง 15 ปีที่ผ่านมาเป็นยุคของ ‘เงินและโครงสร้างพื้นฐาน’ อีก 15 ปีข้างหน้าจะเป็นยุคที่แม้จะยังมี ‘เงิน’ อยู่ แต่ไม่ใช่ศูนย์กลางอีกต่อไป โดยจะเน้นที่การพัฒนา ‘แอปพลิเคชัน’ เป็นหลักมากกว่า
โทมาโนโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อไม่นานนี้ว่า “ชัยชนะในวงการนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับเทคโนโลยีหรือการเงิน แต่เกิดจากความเข้าใจวัฒนธรรม” พร้อมย้ำว่าแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนต้องก้าวข้ามความเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน และกลายเป็น *วัฒนธรรมดิจิทัลที่เชื่อมโยงผู้คนและสังคม*
สิ่งที่โทมาโนพูดสะท้อนย้อนกลับไปยังการเติบโตของอีเธอเรียม(ETH) และบิตคอยน์(BTC) ตลอดช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งเน้นที่ระบบการเงินเป็นหลัก แต่ในอนาคต เขามองว่าอุตสาหกรรมคริปโตจะพัฒนาเป็น *แพลตฟอร์ม* ซึ่งผสมผสานระหว่างตลาดและวัฒนธรรม และโครงการที่เข้าใจและสะท้อนวัฒนธรรมได้ดีจะเป็น ‘ผู้ชนะตัวจริง’ ของตลาด
นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่าในระยะยาว บริษัทใหญ่ในดัชนี S&P500 อาจ *ออกหุ้นของตนผ่านบล็อกเชนของอีเธอเรียมในรูปแบบโทเคน(Toknization)* ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเทคโนโลยีคริปโตเริ่มแทรกซึมเข้าสู่โครงสร้างของระบบการเงินดั้งเดิม โดย ‘แนวโน้ม’ ดังกล่าวกำลังเป็นจริง เมื่อเราพิจารณาจากการที่ตลาดหุ้นแนสแด็กได้ยื่นคำขออนุญาตซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผ่านการโทเคนแล้วต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC)
ถ้อยแถลงของโทมาโนสะท้อนวิสัยทัศน์ในเชิง *มหภาค* มากกว่าการเก็งกำไรราคาในระยะสั้น โดยเขามองว่า คริปโตเคอเรนซีไม่ใช่แค่ ‘เงิน’ แต่เป็น *โครงสร้างดิจิทัลใหม่ของอารยธรรมมนุษย์* และท้าทายให้พิจารณาก้าวถัดไปของบล็อกเชนจากมุมมองเชิงปรัชญา
เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำไปปรับใช้กับโทเคนหลักทรัพย์, การยืนยันตัวตนดิจิทัล และแอปพลิเคชัน Web3 ที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น เกมหรือโซเชียลมีเดีย โอกาสที่แนวคิดของโทมาโนจะกลายเป็นจริงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และในอนาคตตลาดอาจไม่ได้แข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีหรือเงินทุนอีกต่อไป แต่เป็น *ประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม* ที่จะเป็นปัจจัยชี้ขาดชัยชนะ
ความคิดเห็น 0