ตลาดคริปโตเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่แนสแด็ก(Nasdaq) ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศจับมือกับเจมิไน(Gemini) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชื่อดัง ผ่าน ‘ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์’ ที่ครอบคลุมบริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลและการทำสเตคกิ้ง โดยแนสแด็กเตรียมเข้าลงทุนในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหม่ของเจมิไน ท่ามกลางกระแสการเตรียมไอพีโอของแพลตฟอร์มนี้
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) Reuters รายงานว่า เจมิไนมีแผนระดมทุนสูงสุดถึง 317 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,411 พันล้านวอน ผ่านการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์โดยตรง ขณะที่แนสแด็กวางแผนเข้าซื้อหุ้นของเจมิไนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 695 พันล้านวอน) ผ่านการซื้อขายนอกตลาด การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่เน้นก้าวย่างสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและแข่งเพื่อดึงดูดสถาบันการเงิน
ความร่วมมือนี้จะทำให้แนสแด็กสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานของเจมิไน ทั้งด้าน ‘การรับฝากสินทรัพย์’ และ ‘การทำสเตคกิ้ง’ ในขณะที่ลูกค้ากลุ่มสถาบันของเจมิไน จะสามารถบริหารและติดตามหลักประกันผ่านแพลตฟอร์ม ‘แคลิปโซ(Calypso)’ ของแนสแด็ก อย่างไรก็ตาม บุคคลวงในเปิดเผยว่ารายละเอียดของดีลดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนตามสภาวะตลาดและความผันผวนในอนาคต
ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นเพียงไม่นาน หลังแนสแด็กแสดงเจตจำนงเข้าสู่ตลาด ‘โทเคนหลักทรัพย์(tokenized securities)’ อย่างเป็นทางการ โดยก่อนหน้านี้ แนสแด็กได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) เพื่อขอแก้ไขระเบียบการซื้อขาย เปิดทางให้หุ้นแบบดั้งเดิมสามารถโอนหรือซื้อขายในรูปแบบสินทรัพย์โทเคนบนบล็อกเชนได้ บริษัทยังเตือนว่า ปัจจุบันมีการซื้อขายโทเคนหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับการอนุมัติในหลายแพลตฟอร์มของยุโรป ซึ่งสร้างความกังวลต่อความโปร่งใสและการกำกับดูแล
ด้านเจมิไนก็กำลังรุกตลาด ‘โทเคนหุ้น’ อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ที่อิงกับหุ้นของไมโครสเตรเทจี(MSTR) โดยอยู่ในรูปแบบโทเคน พร้อมวิจารณ์ระบบการเงินแบบดั้งเดิมว่าขาดประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ยาก โดยระบุว่า “โครงสร้างการเงินปัจจุบันยังล้าสมัยและจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่”
การจับมือกันของทั้งสองบริษัทครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นจุดร่วมระหว่างแผนเข้าจดทะเบียนของเจมิไน และการเร่งเครื่องเข้าสู่ยุคดิจิทัลของแนสแด็ก เรียกได้ว่าเป็น ‘กลยุทธ์วินวิน’ ที่เจมิไนจะใช้เพื่อเพิ่มความมั่นใจของนักลงทุนสถาบัน ขณะที่แนสแด็กจะสามารถปักหมุดในระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลและผลักดันโทเคนหลักทรัพย์ให้เติบโตในระยะยาว
ความคิดเห็น 0