ตลาดบิตคอยน์(BTC) กำลังแสดงสัญญาณว่ากำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นครั้งใหม่ โดยข้อมูลจากไบแนนซ์(Binance) ชี้ให้เห็นว่าปริมาณบิตคอยน์ในกระดานเทรดกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่การไหลเข้าสู่กระดานนั้นเริ่มชะลอตัว ซึ่งแสดงถึง ‘ความไม่สมดุลของสภาพคล่อง’ ที่เอนเอียงอย่างมีนัยสำคัญ ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่เพียงสัญญาณทางเทคนิคที่ไร้น้ำหนัก เพราะไบแนนซ์ถือเป็นหนึ่งในกระดานที่มี 'ความลึกของคำสั่งซื้อขาย' ที่มากที่สุดในโลก ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่องที่นี่อาจเป็นตัวชี้วัดคลื่นขาขึ้นรอบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ตามรายงานของคริปโตควอนต์(CryptoQuant) เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม ตัวชี้วัดการฝากเงินราย 30 วัน (refill_30d) ในไบแนนซ์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเคยแซงหน้าการถอนเงินราย 30 วัน (drain_30d) หลายครั้ง โดยในช่วงวันที่ 4 ถึง 18 สิงหาคมมีการนำบิตคอยน์เข้าสู่แพลตฟอร์มในระดับสูง ซึ่งสอดคล้องกับราคาบิตคอยน์ที่ทะยานขึ้นใกล้แตะระดับ 120,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 1.66 ล้านบาทในช่วงดังกล่าว บรรดานักลงทุนกำลังทยอยขายทำกำไรหรือวางกลยุทธ์เฮดจ์ในช่วงนั้น
อย่างไรก็ตาม ภาพเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงปลายเดือนสิงหาคม การไหลเข้าชะลอตัวลงอย่างชัดเจน และเข้าสู่สถานะสมดุลกับการไหลออก ซึ่งนำไปสู่ ‘ภาวะสภาพคล่องคงตัว’ ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวในกรอบแคบและภาพรวมตลาดดูเงียบสงบ
แต่ในเดือนกันยายน กระแสเปลี่ยนไปอีกครั้ง drain_30d พุ่งแตะระดับสูงเกิน 22 ล้าน BTC ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในหลายเดือน ขณะที่ refill_30d ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นว่า ‘บิตคอยน์กำลังไหลออกจากไบแนนซ์อย่างมีนัยสำคัญ’ สะท้อนว่า ‘สภาพคล่อง BTC กำลังเหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว’ ความเคลื่อนไหวนี้ หากพิจารณาแบบองค์รวม อาจส่งผลเชิงบวกระยะสั้นต่อราคาบิตคอยน์ เพราะเมื่อสินทรัพย์ถูกนำออกจากกระดาน ราคาก็มักจะมีสิทธิ์ปรับขึ้นตามกลไกความต้องการที่มากกว่าปริมาณขายในตลาด
แม้จะเกิดแรงกระเพื่อมด้านสภาพคล่อง แต่บิตคอยน์ยังคงรักษาราคาที่มั่นคงไว้ได้ ซึ่ง *สะท้อนว่า* ตลาดอยู่ในสถานะที่สามารถดูดซับปัจจัยลบและบวกไปพร้อมกันได้อย่างมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มการถอนเงินยังไม่หยุดลง และไม่มีเงินทุนใหม่ไหลเข้ากระดานเท่าที่ควร สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ภาวะ *“ความตึงเครียดด้านอุปทาน”* ซึ่งจะผลักดันให้แรงซื้อกลับมาอีกครั้ง และมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นตัวเร่งราคาในระยะสั้น
การต่อสู้อย่างเข้มข้นในด้านสภาพคล่องภายในไบแนนซ์ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงสัญญาณภายในหนึ่งแพลตฟอร์มเท่านั้น เพราะเมื่อไบแนนซ์ในฐานะผู้นำตลาดเกิดความคลาดเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อโครงสร้างตลาดโดยรวม นักลงทุนจึงควรจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงที่บิตคอยน์เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับราคาสูงสุดตลอดกาล *ภาวะไม่สมดุลเช่นนี้* อาจกลายเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดราคาพุ่งแรงจนตลาดตอบสนองอย่างรวดเร็วและรุนแรง.
ความคิดเห็น 0