โคอินอีซี่(CoinEasy) บริษัทวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก รายงานว่า สัญญาณของ ‘ฟองสบู่ทางการเงิน’ รอบใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในตลาดคริปโต โดยเฉพาะใน ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘สเตเบิลคอยน์’ ไม่ใช่เพียงแค่ความเคลื่อนไหวแบบเก็งกำไรเหมือนในอดีต แต่เป็นปรากฏการณ์เชิงโครงสร้างที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสเงินทุนและนโยบายการเงินทั่วโลก
จากรายงานเมื่อวันที่ 24 โดยโคอินอีซี่ ข้อแตกต่างของวัฏจักรคริปโตในครั้งนี้คือกระบวนการ ‘เข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลัก’ ของบิตคอยน์และสเตเบิลคอยน์ โดยตัวอย่างสำคัญคือสำนักงานการเคหะแห่งชาติของสหรัฐ (FHFA) กำลังพิจารณาการรวม *บิตคอยน์* เข้าในเกณฑ์การประเมินสินทรัพย์จำนองภายในเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ *บิตคอยน์* ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในฐานะทรัพย์สินทางการเงิน
ขณะเดียวกัน *สเตเบิลคอยน์* กำลังกลายเป็นเครื่องมือชำระเงินที่รวดเร็วข้ามพรมแดน และยังได้รับความสนใจในฐานะ ‘ทางเลือกของเงินดอลลาร์ดิจิทัล’ โดยอาจมีผลต่อสมดุลอำนาจทางการเงินของโลกในอนาคต โคอินอีซี่ยังระบุอีกว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก เช่น เจพีมอร์แกน, แบล็คร็อก และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียและนอร์เวย์ ต่างทยอยเข้าสู่ตลาดคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘แบล็คร็อก’ ซึ่งตั้งเป้าครอบครอง *บิตคอยน์* ระหว่าง 7–10% ของการหมุนเวียนทั้งหมด ปัจจุบันสามารถสะสมได้แล้วประมาณ 3.3%
ในระดับภาครัฐ สหรัฐกำลังใช้ *สเตเบิลคอยน์* เป็นกลยุทธ์ด้านนโยบายระหว่างประเทศ โดยผ่านร่างกฎหมายอย่าง ‘Genie’s Act’ ที่มีเป้าหมายสร้างมาตรฐานการกำกับดูแล พร้อมผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติเทเงินเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐระยะสั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมอง *สเตเบิลคอยน์* เป็นเครื่องมือเพิ่มอิทธิพลทางการเงิน ทั้งนี้ตอบรับกับแนวโน้มดังกล่าว จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรปต่างเร่งพัฒนานโยบายด้าน *สเตเบิลคอยน์* ควบคู่ไปกับการทดสอบสกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง(CBDC)
หนึ่งในตัวเร่งฟองสบู่รอบใหม่นี้คือ ‘สภาพคล่องที่ล้นตลาด’ จากนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยและกระตุ้นการใช้จ่ายในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ *บิตคอยน์* โคอินอีซี่ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างราคาบิตคอยน์และปริมาณเงิน M2 ทั่วโลกมีความแน่นแฟ้นขึ้นมาก นำไปสู่พฤติกรรมของนักลงทุนที่เลือก *บิตคอยน์* เป็นเครื่องมือหลีกเลี่ยงเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม โอกาสย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง รายงานเตือนว่า ฟองสบู่รอบนี้มีความซับซ้อนกว่าครั้งก่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องทั้ง *บิตคอยน์*, *สเตเบิลคอยน์*, อสังหาริมทรัพย์, ตราสารหนี้ และหนี้สินแบบเครดิต หากเกิดการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือจำกัดสภาพคล่องอย่างฉับพลัน อาจส่งผลให้หลายสินทรัพย์เกิดการ ‘ล้มโดมิโน’ และเข้าสู่ภาวะราคาทรุดรวดเร็ว (<ความคิดเห็น>: ความกังวลลักษณะนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจใหม่)
ท้ายที่สุด โคอินอีซี่ประเมินว่า *บิตคอยน์* ได้ขยับสถานะขึ้นเป็น ‘แหล่งพักเงินสุดท้ายของสภาพคล่อง’ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รุมเร้าตลาดทุนทั่วโลก และเป็นกุญแจของโครงสร้างการเงินดิจิทัลชุดใหม่ รายงานสรุปว่า แม้ฟองสบู่ที่กำลังก่อตัวอยู่นี้จะมีความเสี่ยงสูง แต่พื้นฐานของมันกำลังส่งสัญญาณถึง ‘การเปลี่ยนผ่านที่มีความจริงรองรับ’ โดยเฉพาะบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของ *บิตคอยน์* ในระบบการเงินโลกยุคใหม่
ความคิดเห็น 0