ในตลาดคริปโตที่เคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง การเทรดรายวัน (Day Trading) คือสมรภูมิที่ไม่มีพื้นที่สำหรับความลังเลแม้เพียงเสี้ยววินาที ด้วยความผันผวนของราคา ความเปลี่ยนแปลงของกระแสข่าว และสภาพคล่องที่สามารถหายวับไปในพริบตา เทรดเดอร์จึงต้องพึ่งพาความเร็วและความแม่นยำของข้อมูลเป็นหลัก ซึ่ง ‘จินี (Gemini)’ AI จาก *กูเกิล* กำลังกลายเป็น *ตัวช่วย* ที่มาเติมเต็มความต้องการนั้นในหมู่เทรดเดอร์มือโปร อย่างไรก็ตาม จินีไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อดำเนินการเทรดโดยตรงหรือเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตของผู้ใช้แต่อย่างใด
จินี AI โดดเด่นในการวิเคราะห์เชิงเทคนิคและรวบรวมแนวคิดการลงทุนที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย โดยเฉพาะเวอร์ชันล่าสุด ‘จินี แฟลช 2.5 (Gemini Flash 2.5)’ ที่สามารถจำลองกลยุทธ์การเทรด เปรียบเทียบสินทรัพย์ และสะท้อนภาพรวมข่าวสารในตลาดได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้วางแผนกลยุทธ์ใหม่ให้ชัดเจนในแต่ละวัน ทั้งนี้ จินียังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ได้ จึงควรใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น เช่น ‘เทรดดิงวิว(TradingView)’, ‘กลาสโนด(Glassnode)’ และ ‘แนนสัน(Nansen)’ เพื่อการวิเคราะห์ที่สมบูรณ์
การเทรดรายวันในตลาดคริปโตต้องตัดสินใจในจังหวะที่ชี้เป็นชี้ตาย เทรดเดอร์ต้องตื่นตัวกับความเคลื่อนไหวของราคาอย่างละเอียด ทั้งการเปลี่ยนแปลงของกระแสตลาด หรือช่องว่างของสภาพคล่อง นอกจากนั้นยังต้องรับมือกับสัญญาณจำนวนมากจากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น X (เดิมคือ Twitter), เทเลแกรม และ Discord รวมถึงข่าวจากออนเชนและเหตุการณ์เศรษฐกิจระดับแมโคร ในความวุ่นวายเหล่านี้ บทบาทของ AI อย่างจินีคือการคัดกรอง *‘เสียงรบกวน’* และค้นหา ‘ปัจจัยที่แท้จริงซึ่งส่งผลต่อราคา’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากประสบการณ์ของเทรดเดอร์หลายราย จินี AI ได้ช่วยย่อยข้อมูลเกี่ยวกับกระแสคำสั่งซื้อ ความรู้สึกของตลาด และแรงขับเคลื่อนสำคัญต่าง ๆ ออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมแสดงผลในแดชบอร์ดที่ดูสะดวก นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบกฎในการเทรดเพื่อเลี่ยงอารมณ์เชิงลบ เช่น FOMO (Fear of Missing Out) และทำการทดสอบเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังไม่ใช้จินีเพื่อส่งคำสั่งซื้อขายโดยตรง หรือเปิดสิทธิ์เข้าถึง API ของแพลตฟอร์มเทรดแบบไม่มีข้อจำกัด
จุดแข็งอีกอย่างของจินีคือความสามารถในการทำงานร่วมกับ *กูเกิล เวิร์กสเปซ (Google Workspace)* อย่างเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานผ่าน Google Sheets และ Docs เพื่อรวบรวมข้อมูลหรือสร้างภาพกราฟิกได้ทันที ผู้ใช้สามารถให้ AI สรุปบทวิเคราะห์จากเอกสาร หรือใส่โค้ดคำสั่งภายในเซลล์ได้โดยตรง สำหรับนักพัฒนายังสามารถใช้ *Google AI Studio* และ *จินี API* เพื่อเขียนสคริปต์อัตโนมัติหรือสร้างกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ end-to-end ได้ด้วยเช่นกัน ปัจจุบันโมเดลของจินียังรองรับข้อมูลได้มากถึง *1 ล้านโทเคน* ทำให้สามารถรวมเอกสาร วิจัย ข่าว และกราฟต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อประมวลผลข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการเริ่มต้นใช้งาน ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานจินีใน Google Workspace และจัดทำ ‘สมุดเทรดดิ้ง’ ที่ประกอบด้วย 6 แท็บ ได้แก่ ‘รายการเฝ้าดู (Watchlist)’, ‘ปัจจัยกระตุ้น (Catalysts)’, ‘ระดับราคา (Levels)’, ‘การไหลของคำสั่งซื้อ (Order Flow)’, ‘แผนการเทรด (Plan)’ และ ‘การวิเคราะห์หลังเทรด (Post-Mortem)’ สิ่งนี้จะช่วยสร้างวินัยในกระบวนการตัดสินใจให้ชัดเจนขึ้น และเมื่อทำเป็นกิจวัตร ก็จะช่วยลดเสียงที่รบกวนความคิด พร้อมเสริมความมั่นคงให้การเทรดทุกขั้นตอน โดยที่จินีจะรับบทเป็น ‘พาร์ทเนอร์แห่งตรรกะและระบบ’
คริปโตเคอร์เรนซี เป็นสินทรัพย์ที่เปี่ยมด้วยความผันผวน และการเทรดรายวันคือหนึ่งในกลยุทธ์ที่เสี่ยงสูงที่สุด แต่หากนำ AI มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ พร้อมวางโครงสร้างรูทีนการเทรดอย่างมีระบบ ก็สามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในตลาดที่ปั่นป่วนได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เทรดเดอร์ต้องไม่ลืมว่า ‘AI ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้’ การเทรดต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ตรวจสอบ และรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดในทุกกรณี
ความคิดเห็น 0