Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เมตาแพลนเน็ตอาจเผชิญฟองสบู่หุ้น หลังทุ่มสะสมบิตคอยน์(BTC) กว่า 20,000 เหรียญ

เมตาแพลนเน็ตอาจเผชิญฟองสบู่หุ้น หลังทุ่มสะสมบิตคอยน์(BTC) กว่า 20,000 เหรียญ / Tokenpost

บริษัทเมตาแพลนเน็ต(Metaplanet) หนึ่งในผู้ลงทุนในบิตคอยน์(BTC) รายใหญ่ของญี่ปุ่น กำลังเผชิญกับ *สัญญาณการแตกของฟองสบู่* ในตลาดหุ้น สร้างความกังวลแก่ผู้เล่นในตลาดอย่างกว้างขวาง บริษัทที่เคยได้รับฉายาว่า ‘ไมโครสตราเทจีแห่งญี่ปุ่น’ จากการนำบิตคอยน์มาเป็นสินทรัพย์สำรอง กลับเริ่มแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มราคาหุ้นถดถอย คล้ายกับทฤษฎีฟองสบู่ทรงคลาสสิก

เมื่อเดือนเมษายน 2024 บริษัทเริ่มเข้าซื้อบิตคอยน์อย่างจริงจัง และสามารถไต่อันดับขึ้นไปติด 10 อันดับแรกของบริษัทที่ถือครอง BTC มากที่สุดในโลก โดยกลยุทธ์การซื้อเชิงรุกนี้ช่วยผลักดันราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 4,500% จากระดับเริ่มต้น กระตุ้นความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ทว่าหลังเข้าสู่ช่วงกลางปี 2025 ราคาหุ้นกลับเริ่มร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้แพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโตอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) เตือนว่าอาจเป็น ‘สัญญาณของฟองสบู่ทางสินทรัพย์’ อย่างชัดเจน

การวิเคราะห์เชิงเทคนิคก็สอดคล้องเช่นกัน นักวิเคราะห์รายหนึ่งชี้ว่า ราคาหุ้นของเมตาแพลนเน็ตได้ผ่านช่วง ‘ขึ้นแบบพาราโบลา’ และขณะนี้กำลังเข้าสู่ระยะปรับฐานอย่างรุนแรง ความเป็นไปได้ของการปรับตัวลงครั้งใหญ่จึงถูกจับตามองอย่างสูง พร้อมกันนั้น นักลงทุนเริ่มวิตกถึงแรงขายที่อาจถาโถมและภาวะขาดสภาพคล่องที่ตามมา

ปัจจุบัน เมตาแพลนเน็ตถือครองบิตคอยน์จำนวน 20,136 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.9 ล้านล้านเยน ตามราคาตลาดล่าสุด อย่างไรก็ตาม แผนการถือครองให้ได้ 100,000 BTC ภายในปี 2026 ยังคงเป็นเป้าหมายของบริษัท ซึ่งนั่นจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพิ่มเติมและอาจต้องมีการปรับกลยุทธ์อีกครั้ง

ในเดือนสิงหาคม 2025 เมตาแพลนเน็ตยังสามารถเข้าไปอยู่ในดัชนี FTSE Japan ได้เป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทที่ใช้บิตคอยน์เป็นทรัพย์สินหลักในพอร์ต ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงการหลอมรวมระหว่างตลาดทุนดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล

ไซมอน เกโรวิช(Simon Gerovich) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เปิดเผยในบทสัมภาษณ์ล่าสุดว่า บริษัท “ไม่มีความสนใจในสินทรัพย์อื่นใดนอกจากบิตคอยน์” พร้อมย้ำว่าเป้าหมายคือการเป็นผู้นำในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยการสะสม BTC เพียงอย่างเดียว กลยุทธ์นี้เขาเรียกว่า *‘ความเร็วหลุดวงโคจร’ (escape velocity)* เพื่อทิ้งห่างคู่แข่งในตลาด ทว่าในหมู่นักวิเคราะห์ กลับมีบางเสียงมองว่านี่เป็นแนวทางที่เสี่ยงเกินไป

ก่อนหน้านี้ ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งไมโครสตราเทจี ก็เคยได้รับความสนใจจากการใช้กลยุทธ์เดียวกันในการสะสม BTC เพื่อสร้างกำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น แต่ในช่วงตลาดหมี กลับต้องพานพบกับผลขาดทุนจากสินทรัพย์และภาระหนี้ที่สูงขึ้นอย่างหนัก ซึ่งสถานการณ์ของเมตาแพลนเน็ตนั้นกำลังถูกจับตามองว่าอาจกำลังเดินรอยเดิม

ในเวลาที่เมตาแพลนเน็ตกำลังทรงตัวระหว่าง ‘ฟองสบู่สะท้อนกลับ’ กับ ‘การปรับเทคนิคชั่วคราว’ เส้นทางต่อไปของบริษัทอาจกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญสำหรับบริษัทอื่นที่กำลังพิจารณานำบิตคอยน์เข้าสู่บัญชีสินทรัพย์องค์กร

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1