กลุ่มผู้สนับสนุนคาร์ดาโน(ADA) เรียกร้องให้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างคอยน์เบส(COIN) พิจารณาการ ‘จดทะเบียนทรัพย์สินเนทีฟ’ ของคาร์ดาโนบนระบบการซื้อขายหลัก หลังจากเมื่อไม่นานมานี้ ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) ซีอีโอคอยน์เบส ได้เปิดตัวแนวทางใหม่เพื่อลดข้อครหาโดยให้ความสำคัญกับ ‘ความโปร่งใสของกระบวนการจดทะเบียนสินทรัพย์ดิจิทัล’
เมื่อวันที่ 24 อาร์มสตรองได้เผยแพร่ ‘คู่มือจดทะเบียนสินทรัพย์ดิจิทัลของคอยน์เบส’ ที่ชี้แจงว่า ทุกโปรเจกต์สามารถสมัครจดทะเบียนได้ฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และโปรเจกต์ทั้งหมดจะได้รับการพิจารณาภายใต้มาตรฐานเดียวกัน กระบวนการพิจารณาอาจใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและความครบถ้วนของข้อมูลที่ส่งมา
กลุ่มผู้ใช้คาร์ดาโนได้จัดแคมเปญในโลกออนไลน์เพื่อเร่งเร้าการดำเนินการดังกล่าว โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า แม้คอยน์เบสจะมีการสนับสนุนการซื้อขายเอ이다(ADA) มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ ‘สินทรัพย์เนทีฟ’ ที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนคาร์ดาโนกลับยังไม่ถูกจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ บัญชี X (เดิม Twitter) ของชุมชนคาร์ดาโนชื่อ Cardanians เขียนว่า “คาร์ดาโนเป็นหนึ่งในบล็อกเชน 10 อันดับแรกทั่วโลก และถึงเวลาแล้วที่เราจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 คอยน์เบสได้เปิดตัวโทเคนรูปแบบ cbADA ซึ่งเป็นรูปแบบบรรจุบล็อก (wrap) ที่ใช้งานบนเครือข่ายเบส(Base) ซึ่งสร้างขึ้นบนอีเธอเรียม(ETH) และมีเป้าหมายในการสนับสนุนการขยายระบบนิเวศของคาร์ดาโน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวยังจำกัดอยู่เพียงการใช้งาน ‘โทเคนพื้นฐาน’ เท่านั้น โดยสินทรัพย์เนทีฟที่ถูกสร้างขึ้นผ่านการอัปเกรดมาริ(Mary) ยังคงถูกมองข้ามจากตลาดแลกเปลี่ยนหลัก
คาร์ดาโนเปิดตัวฟีเจอร์มัลติแอสเซ็ต(multi-asset) หลังการอัปเกรดมาริในปี 2021 ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างและโอนสินทรัพย์แบบคล้ายอีเธอเรียมได้แบบไร้สัญญาอัจฉริยะ นับตั้งแต่นั้นมา โครงการและโทเคนจำนวนมากก็ถูกพัฒนาขึ้นบนเครือข่าย แต่สินทรัพย์เหล่านี้ยังไม่ได้รับโอกาสจากตลาดใหญ่ในการจดทะเบียนเพื่อให้ซื้อขายได้อย่างเป็นทางการ
ในขณะเดียวกัน ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน(Charles Hoskinson) ผู้ก่อตั้งคาร์ดาโน ก็แสดงความมั่นใจในอนาคตของระบบนิเวศนี้ โดยระบุว่า “คาร์ดาโนวันนี้มีทั้งรัฐธรรมนูญ ตัวแทน DRep หลายร้อยคน และงบประมาณอย่างเป็นทางการ เราทำสิ่งเหล่านี้เสร็จภายใน 1 ปี” พร้อมเสริมว่าในช่วง 3-5 ปีถัดไป คาร์ดาโนจะสามารถปลดล็อกศักยภาพที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นได้
คำถามที่ยังต้องจับตามองคือ คำขอของชุมชนคาร์ดาโนครั้งนี้จะนำไปสู่การจดทะเบียนสินทรัพย์เนทีฟในคอยน์เบสได้จริงหรือไม่ และคอยน์เบสจะมีท่าทีอย่างไรต่อกรณีนี้ ความเคลื่อนไหวนี้อาจกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อนโยบายการจดทะเบียนของโครงการอื่น ๆ ในอนาคตเช่นกัน
ความคิดเห็น 0