ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุนบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์อย่าง *สแตรทิจี(Strategy)* ยังคงเดินหน้ากว้านซื้อบิตคอยน์(BTC) อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อไม่นานมานี้บริษัทประกาศว่าได้ซื้อเพิ่มอีก 525 BTC ที่ราคาต่อเหรียญเฉลี่ยราว 114,562 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15.9 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 60.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 836 ล้านบาท
การซื้อครั้งนี้ทำให้ยอดสะสมบิตคอยน์ที่บริษัทถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 638,985 BTC ขณะที่มูลค่ารวมที่ลงทุนไปอยู่ที่ประมาณ 47,230 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.56 ล้านล้านบาท โดยมี ‘ต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญ’ อยู่ที่ราว 73,913 ดอลลาร์ หรือประมาณ 10.2 ล้านบาท ตามราคาตลาดปัจจุบัน พอร์ตนี้มีมูลค่าเกิน 73,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 10.15 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรในบัญชีมากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.47 ล้านล้านบาท
เมื่อสัปดาห์ก่อน สแตรทิจีเพิ่งซื้อเพิ่มอีกเกือบ 2,000 BTC เป็นเงินราว 220 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,058 ล้านบาท และเมื่อต้นปีนี้ก็มีการลงทุนก้อนใหญ่เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.39 แสนล้านบาท แม้ว่าการซื้อครั้งล่าสุดที่ 500 BTC จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ *กลยุทธ์การซื้อสะสมอย่างต่อเนื่อง* ก็ยังคงเป็นจุดสนใจของนักลงทุน
สแตรทิจีเริ่มเก็บสะสมบิตคอยน์อย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2020 โดยปัจจุบันกลายเป็น *บริษัทเอกชนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก* แซงหน้าบริษัทเหมืองคริปโตขนาดใหญ่อย่างมาราธอน ดิจิทัล โฮลดิงส์
ทั้งนี้ ทางบริษัทเปิดเผยว่า ณ ปี 2025 ผลตอบแทนจากการลงทุนในบิตคอยน์นับจากต้นปีอยู่ที่ 25.9% ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึง *ประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์* ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ยังถูกมองว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเชิงกลยุทธ์ เพื่อรับกับ *ความเป็นไปได้ในการกลับมาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์* และการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบในอนาคตอีกด้วย
ความคิดเห็น 0