เกิดแรงขายขนาดใหญ่ในตลาดเมื่อมีการเทขาย *อีเธอเรียม(ETH)* จำนวนกว่า 90,000 เหรียญภายในเวลาเพียง 2 วัน สร้างความวิตกให้กับนักลงทุนคริปโตทั่วโลก โดยอ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์ *ออนเชน* อย่าง อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ ‘วาฬ’ หรือกระเป๋าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นผู้ถือครอง ETH รายใหญ่ การเทขายครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ 297 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,059 ล้านบาท
มาร์ติเนซชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้วาฬทำการขายคือการลดลงของราคา ETH โดยมีข้อมูลจาก *ซานติเมนต์(Santiment)* ระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาของ ETH ร่วงลงประมาณ 6.53% จากระดับ 4,757 ดอลลาร์ สู่ระดับ 4,510 ดอลลาร์ หรือประมาณ 627,000 บาท ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของกระเป๋าที่ถือระหว่าง 1,000-10,000 ETH ที่เริ่มเทขายทำกำไร
แม้ว่าราคาของ ETH ได้ฟื้นตัวเล็กน้อย ณ เวลาปัจจุบัน โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,510 ดอลลาร์ แต่ปัจจัยเรื่อง ‘ความไม่แน่นอน’ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) จะประกาศนโยบายดอกเบี้ย ทำให้การเคลื่อนไหวของวาฬได้รับความสนใจมากขึ้น *ความคิดเห็น*: สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความอ่อนไหวของตลาดคริปโตต่อทั้งข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคและพฤติกรรมของผู้ถือเหรียญขนาดใหญ่
อีกด้านหนึ่ง *ทอม ลี(Tom Lee)* ผู้ร่วมก่อตั้งฟันด์สแตรท(Fundstrat) ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ราคา ETH มีแนวโน้มพุ่งสูงอย่างมากในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐเลือกที่จะลดดอกเบี้ย ลีคาดการณ์ว่า ETH อาจแตะระดับอย่างน้อย 5,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 765,000 บาท ภายในกลางเดือนตุลาคม ซึ่งหมายถึงโอกาสเติบโตมากถึง 22% จากราคาปัจจุบัน
ท่ามกลางตัวแปรด้านมหภาคและการเคลื่อนไหวของนักลงทุนระดับใหญ่ ความสนใจในทิศทางของ *อีเธอเรียม(ETH)* กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในมุมมองระยะกลางถึงยาวซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายทางการเงินของสหรัฐและกลยุทธ์ของนักลงทุนประเภทวาฬว่าจะเลือก ‘สะสม’ หรือ ‘ขายทำกำไร’ ในขั้นต่อไป
ความคิดเห็น 0