Wormhole(W) ปรับโทเคโนมิกส์ใหม่ ดันผลตอบแทนสเตก-ปลดล็อกโทเคนแบบขั้นบันได

Wormhole ประกาศปรับโครงสร้างโทเคโนมิกส์ของเหรียญ Wormhole(W) ใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความมั่นคงของระบบผลตอบแทน และเพิ่มแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมในระบบกระจายศูนย์ โดย W โทเคนจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านผลตอบแทนจากการสเตกและกลไกการกำกับดูแล (Governance) เพื่อเพิ่มความมีส่วนร่วมของผู้ถือโทเคนในระยะยาว

จากข้อมูลในบล็อกทางการของ Wormhole การปรับโทเคโนมิกส์รอบนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลัก 3 ประการ ได้แก่ หนึ่ง การจัดตั้ง ‘เงินสำรองเฉพาะสำหรับ W โทเคน’ ที่มาจากค่าธรรมเนียมและรายได้ของโปรโตคอล สอง ผู้ที่ทำการสเตก W โทเคนจะได้รับผลตอบแทนพื้นฐาน 4% พร้อมโครงสร้างโบนัสเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับระดับการมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ และสาม โทเคนที่ถูกล็อกไว้ (Token Lock-up) จะไม่ได้ปลดทีเดียวเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็น ‘การปลดแบบค่อยเป็นค่อยไปทุกสองสัปดาห์’ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือโทเคนมีบทบาทในการลงคะแนนผ่านตัวแทนใน Governance ได้มากขึ้น

Wormhole ระบุว่าเป้าหมายต่อไปในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าคือ การขยายปริมาณ ‘การโอนสินทรัพย์และการส่งข้อความข้ามเชน’ ที่โปรโตคอลรองรับ พร้อมทั้งเสริมว่าเมื่อระบบนิเวศเติบโตขึ้น จะมีผู้สเตก W เพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้รายได้จากโปรโตคอลสามารถหมุนกลับมาเป็นผลประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานโดยตรง

โปรโตคอล Wormhole เริ่มต้นในช่วงปลายปี 2020 โดยมุ่งเน้นการโอนทรัพย์สินระหว่าง อีเธอเรียม(ETH) และ โซลานา(SOL) และได้เปิดตัว W โทเคนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2024 โดยมีราคาเปิดตลาดที่ 1.66 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,307 บาท) แต่ราคากลับร่วงลงเหลือ 0.54 ดอลลาร์ (ประมาณ 750 บาท) ภายในเวลาเพียง 10 วัน อย่างไรก็ตาม หลังข่าวการปรับโทเคโนมิกส์ W ก็ปรับตัวขึ้นทันทีมากกว่า 6.3% ภายในวันเดียว สะท้อนถึงความคาดหวังเชิงบวกจากตลาด

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับระบบเศรษฐกิจโทเคนของ Wormhole ไปสู่โมเดลการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์ที่ ‘โปร่งใสและยั่งยืน’ มากขึ้น โครงสร้างการให้ผลตอบแทนจากการสเตก ระบบการปลดล็อกแบบทยอย และการกระจายรายได้กลับสู่ชุมชน จะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของระบบนิเวศในระยะยาว ความคิดเห็น: โมเดลใหม่นี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโปรโตคอลข้ามเชนที่ต้องการขับเคลื่อนด้วยชุมชนเป็นศูนย์กลาง