ริปเปิล(Ripple) เปิดตัวกลยุทธ์ด้านสเตเบิลคอยน์อย่างเป็นทางการในช่วงที่ตลาดมีมูลค่าสูงถึง *302,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 419.78 ล้านล้านวอน)* ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของอุตสาหกรรมคริปโต ณ ขณะนี้ แจ็ค แมคโดนัลด์(Jack McDonald) รองประธานอาวุโสฝ่ายสเตเบิลคอยน์ของริปเปิลและซีอีโอของสแตนดาร์ด คัสโตดี้(Standard Custody) ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานเป็นองค์ประกอบสำคัญที่กำหนด ‘มูลค่าจริง’ ของสเตเบิลคอยน์ในระยะยาว
ตามคำกล่าวของแมคโดนัลด์ สเตเบิลคอยน์ที่ประสบความสำเร็จไม่ควรถูกผูกติดกับแพลตฟอร์มหรือแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง แต่ควรมุ่งสู่ *การทำงานร่วมกัน, ความโปร่งใส และความสามารถในการขยายตัว* โดย *RLUSD* สเตเบิลคอยน์ที่ริปเปิลพัฒนาขึ้นนั้น สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์เกณฑ์ดังกล่าว RLUSD ใช้โครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กร และมีการรายงาน ‘ทุนสำรอง’ แบบเปิดเผยในระดับรายเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจกับตลาด
นอกจากนี้ RLUSD ยังถูกออกแบบให้รองรับการทำงานบน *XRP เลดเจอร์(XRP Ledger)* ซึ่งเป็นเมนเน็ตหลักของริปเปิล และเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) เพื่อเสริมความสามารถในการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม โดยแมคโดนัลด์ระบุว่าวิธีนี้ไม่ใช่เพียง ‘ทางเลือก’ แต่เป็น *เงื่อนไขสำคัญ* ที่จะช่วยให้สเตเบิลคอยน์สามารถคงความเกี่ยวข้องได้อย่างยั่งยืนและรองรับการใช้ในระดับโลก
อีกหนึ่งพัฒนาการสำคัญ ริปเปิลผ่านแขนกลด้านเทคโนโลยีชื่อ *RippleX* ได้วางแผนเสริมฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวในเครือข่าย XRP เลดเจอร์ โดยจะเป็นการผสานฟังก์ชัน “Confidential MPT” ที่สามารถปกปิดยอดคงเหลือและรายละเอียดการทำธุรกรรม พร้อมใช้การเข้ารหัสแบบ EC-ElGamal และหลักฐานความรู้ศูนย์ (ZKP) เพื่อเสริมความปลอดภัยอย่างครบวงจร ฟีเจอร์นี้ยังคงยึดมาตรฐาน XLS-33 อยู่ แต่เสริมความพร้อมด้านการตรวจสอบตามเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแล
ริปเปิลเชื่อว่าสเตเบิลคอยน์ เช่น RLUSD จะมีบทบาทเป็นแกนหลักของระบบการเงินแห่งอนาคต และบริษัทกำลังเดินหน้า *กลยุทธ์ขยายตลาด* ภายใต้นโยบาย “ชัดเจน โปร่งใส และมีรากฐานเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้” แนวทางดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่ให้ความสำคัญกับ *เสถียรภาพและความน่าเชื่อถือ* โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการกำกับดูแลที่เข้มข้นและความเชื่อมั่นจากสถาบันการเงิน
ตามรายงานของ CoinMarketCap ณ ขณะนี้ *มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์อยู่ที่ 302,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 419.78 ล้านล้านวอน)* ทำให้การเคลื่อนไหวของริปเปิลน่าจับตามองว่าจะสามารถครองสัดส่วนตลาดได้มากเพียงใดในอนาคต
ความคิดเห็น 0