เมื่อโลกการเงินเริ่มเข้าสู่ยุค ‘ดอกเบี้ยต่ำ’ นักลงทุนต่างมองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมกับการปรากฏตัวของโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น หนึ่งในโทเคนที่ได้รับการกล่าวถึงในตอนนี้คือ ดิจิแทป(TAP) ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่ามีศักยภาพไม่น้อยไปกว่า เชนลิงก์(LINK) และ ริปเปิล(XRP)
เชนลิงก์ ทำหน้าที่เป็นเครือข่าย ‘ออราเคิล’ แบบกระจายอำนาจ ซึ่งเชื่อมโยงสมาร์ตคอนแทรกต์เข้ากับข้อมูลจากโลกภายนอก ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.3 แสนล้านบาท และมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 21 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 29,190 บาท) ในขณะที่ ริปเปิล ซึ่งมุ่งเน้นการใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการโอนเงินระหว่างธนาคารแบบดั้งเดิม คงมูลค่าตลาดไว้ที่ประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.26 ล้านล้านบาท) โดยมีราคาล่าสุดอยู่ที่ 2.85 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,967 บาท)
แม้โทเคนทั้งสองจะถูกมองว่าเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาวและมีความมั่นคงสูง แต่ก็มี *ความคิดเห็น* ว่าศักยภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอาจเริ่มจำกัดเนื่องจากตลาดมีการยึดครองที่มั่นคงอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน ดิจิแทป กำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าจับตา โดยโปรเจกต์นี้พัฒนา ‘แอปโอม์นิแบงก์’ (Omni-Banking App) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้บัตรวีซ่าโคแบรนด์ในการใช้จ่ายคริปโตแบบเรียลไทม์ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้ใช้งานจริงแล้ว ซึ่งสร้างความแตกต่างจากบริการเวอร์ชันทดสอบอื่นๆ และเป็นองค์ประกอบ *สำคัญ* ที่อาจนำไปสู่การขยายฐานผู้ใช้อย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ ดิจิแทป ยังอยู่ในช่วงการ ‘พรีเซล’ (Pre-Sale) และยังไม่ถูกลิสต์ในแพลตฟอร์มซื้อขายหลัก จึงเป็นโอกาสในการลงทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำ โดยเฉพาะกับ *โปรแกรมสเตคที่ให้ผลตอบแทนสูง* ซึ่งช่วยเสริมทิศทางการใช้งานจริงและสร้างรายรับระยะยาวให้กับนักลงทุน
นักวิเคราะห์ยอมรับถึงบทบาทของ เชนลิงก์ และ ริปเปิล ในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกเว็บ 3.0 แต่ก็เตือนว่า โอกาสในการทำกำไรอาจไม่มากเท่าโทเคนที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นใหม่อย่าง ดิจิแทป ที่มีฐานการใช้งานจริงเข้ามาหนุน ประกอบกับอยู่ในระยะเริ่มต้นของวงจรการเติบโต ทำให้มีพื้นที่สำหรับการเพิ่มมูลค่ามากกว่า
สรุปแล้ว ดิจิแทป กำลังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นโทเคนการเงินที่เชื่อมโลกคริปโตกับเศรษฐกิจจริง ด้วยแนวทางที่สามารถใช้งานได้จริง รองรับผู้ใช้ระดับโลกนับล้านราย และถูกจับตาว่าอาจเป็นหนึ่งใน ‘โทเคนต้นทุนต่ำที่มีศักยภาพเติบโตสูงในปี 2025’ จึงอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือก *น่าสนใจ* สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากยุคของการไหลเข้าของเงินทุนใหม่ในสภาวะดอกเบี้ยต่ำ
ความคิดเห็น 0