สวิฟต์(SWIFT) ผนึกคอนเซนซิส ดันเครือข่ายชำระเงินบล็อกเชน ท้าชนริปเปิล(XRP)

สมาคมเพื่อการสื่อสารทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก หรือ สวิฟต์(SWIFT) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการชำระเงินทั่วโลก กำลังดำเนินก้าวสำคัญด้วยการพัฒนา *เครือข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศบนเทคโนโลยีบล็อกเชน* ร่วมกับบริษัทคอนเซนซิส(Consensys) ที่นำโดยโจ ลูบิน(Joe Lubin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) ตามรายงานของ Financial Times เมื่อวันที่ 24 สวิฟต์กำลังวางตำแหน่งใหม่ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับริปเปิล(XRP)

ระบบ ‘บัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (shared ledger)’ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาครั้งนี้ มีการโฟกัสหลักอยู่ที่ *การโอนเงินระหว่างประเทศแบบเรียลไทม์* โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและลดต้นทุน เมื่อเทียบกับระบบเดิมที่เน้นการส่งข้อความระหว่างธนาคาร การปรับครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่อาจพลิกโฉมตลาดจากระบบดั้งเดิมไปสู่เทคโนโลยีแบบกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นสนามที่ริปเปิลขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้มีสถาบันการเงินรายใหญ่กว่า 30 แห่งทั่วโลก เข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน(JP Morgan) จากสหรัฐฯ และดอยช์แบงก์จากเยอรมนี โดยจะเริ่มทดสอบต้นแบบร่วมกับคอนเซนซิสในไม่ช้านี้ จุดเด่นสำคัญอีกประการคือ *ระบบนี้รองรับทั้งสเตเบิลคอยน์ที่อยู่ภายใต้การกำกับ และสินทรัพย์ที่ถูกแปลงให้เป็นโทเคน(tokenized assets)* พร้อมการทำงานร่วมกันได้ทั้งบล็อกเชนแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว

สวิฟต์มองว่าการปรับใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนครั้งนี้คือก้าวสำคัญเพื่อฟื้นฟูบทบาทของตนภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่การชำระเงินผ่านบล็อกเชน โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จนหลายธนาคารและบริษัทเริ่มพิจารณาหลบเลี่ยงการใช้งานผ่านสวิฟต์ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงสะท้อนถึง *ยุทธศาสตร์เชิงรับเพื่อรักษาตำแหน่งในตลาด* ซึ่ง Financial Times วิเคราะห์ว่า "นี่คือการวางหมากล่วงหน้าของสวิฟต์ เพื่อไม่ให้หลุดจากสมรภูมิการชำระเงินระหว่างประเทศในอนาคต"

เมื่อสวิฟต์ซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดในโครงสร้างพื้นฐานของการชำระเงินทั่วโลกหันมาพัฒนาเครือข่ายแบบบล็อกเชนโดยตรง, *อุตสาหกรรมการเงินอาจเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ* นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนวิธีทางเทคนิค แต่เป็นจุดทดสอบว่าระบบข้อความแบบรวมศูนย์ระดับโลกจะสามารถอยู่ร่วม หรือแข่งขันกับโครงสร้างแบบกระจายอำนาจได้อย่างไร ‘ความคิดเห็น’ นี่อาจกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่นิยามอนาคตของเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกก็เป็นได้