แบล็คร็อก(BlackRock) บริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดคริปโต หลังมีข้อมูลชี้ว่าบริษัทได้โอนบิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม(ETH) มูลค่าราว 2.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 339.2 ล้านบาท ไปยังกระเป๋าเงินของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตภายในวันเดียว ซึ่งเป็นท่าทีที่สวนทางกับกลยุทธ์ ‘เน้นซื้อ’ ที่บริษัทแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้
ตามรายงานของ Lookonchain แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน เมื่อวันที่ 29 กันยายน แบล็คร็อกได้โอนเหรียญบิตคอยน์ประมาณ 340.5 BTC และอีเธอเรียมกว่า 49,607.8 ETH ไปยังกระเป๋าบน **Coinbase Prime** จุดหมายปลายทางดังกล่าวมักบริการในด้านการดูแลสินทรัพย์ และแม้สามารถตีความได้ว่าเป็นการย้ายเพื่อการจัดการทั่วไป แต่ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้เรื่อง ‘การเตรียมขาย’ ออกไปได้
บรรดานักวิเคราะห์มองว่าการโอนครั้งนี้อาจเป็นการขยับเชิงยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายเพื่อ ‘ขายออก’ มากกว่าการเก็บรักษาทั่วไป เมื่อพิจารณาว่าโดยปกติแล้ว การโอนสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ไปยังแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน มักถูกตีความว่าเป็น ‘สัญญาณเตรียมขาย’ โดยเฉพาะกับแบล็คร็อกที่ก่อนหน้านี้มักซื้อสะสมทั้ง BTC และ ETH ในช่วงที่ตลาดผันผวน การเคลื่อนไหวมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในทันทีแบบนี้ จึงถือว่าไม่ปกติ
อย่างไรก็ตาม มุมมองอีกด้านชี้ว่า ค่าโอนที่ว่านี้อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการสภาพคล่องของ ETF มากกว่าจะเป็นการขายทิ้งโดยตรง โดยแบล็คร็อกใช้งาน **Coinbase Prime** เป็นพันธมิตรด้านการดูแลสินทรัพย์สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับ ETF ซึ่งการย้ายคริปโตครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการภายใน เช่นการปรับโครงสร้างบัญชีหรือบริหารยูนิตของกองทุน
ขณะที่แบล็คร็อกยังไม่ได้ออกแถลงชี้แจงใดๆ ตลาดก็คงยังอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน โดยมีผู้เชี่ยวชาญสายการเงินให้ความเห็นว่า “เมื่อดูจากทิศทางระยะยาวของแบล็คร็อกแล้ว การย้ายสินทรัพย์นี้น่าจะเป็นเพียงการจัดพอร์ตชั่วคราว” พร้อมย้ำว่า “พื้นฐานกลยุทธ์ยังคงเป็นการสนับสนุนการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล”
ที่น่าสนใจคือ แม้จะเกิดการโอนขนาดใหญ่ แต่ *ราคาของบิตคอยน์และอีเธอเรียมกลับพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 4%* ในวันเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความวิตกจากข่าวนี้มีผลกระทบจำกัด โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังเห็นตรงกันว่า โอกาสที่แบล็คร็อกจะถอนตัวจากตลาดคริปโตนั้น ‘ยังไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้’
ความคิดเห็น 0