ราคาบิตคอยน์(BTC) ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 17.51 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ยังกลายเป็นประเด็นถกเถียงในหมู่นักลงทุนว่าเป็น ‘จุดสูงสุดสุดท้าย’ ของรอบนี้หรือไม่ ท่ามกลางช่วงเริ่มต้นของการปรับฐานอย่างรุนแรง บิตคอยน์ที่เคยกระโดดขึ้นเกือบ 15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.08 ล้านบาท) ภายในสองวัน กลับลดลงอย่างรวดเร็วมากถึง 23,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.19 ล้านบาท) ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ก่อนฟื้นขึ้นเล็กน้อยมาที่ราว 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.87 ล้านบาท) ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดประมาณ 20,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.78 ล้านบาท)
คำถามที่ว่า *“นี่คือจุดสิ้นสุดของขาขึ้นหรือไม่”* กลายเป็นประเด็นที่ชัดเจนในหมู่นักลงทุน โดย PlanB นักวิเคราะห์ชื่อดังผู้สร้างแบบจำลอง Stock-to-Flow ของบิตคอยน์ ได้จัดทำแบบสำรวจเพื่อตรวจสอบมุมมองของตลาด
ผลสำรวจชี้ว่า 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่ารอบขาขึ้นยังไม่จบ ขณะที่ 32% มองว่า 126,000 ดอลลาร์คือจุดสูงสุดของรอบนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ 63% ของผู้ตอบเชื่อว่าราคาบิตคอยน์จะร่วงลงมาต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 13.9 ล้านบาท) ในอนาคต และกว่า 68% คาดว่า ปี 2026 จะเป็น ‘ตลาดหมี’ อย่างชัดเจน
PlanB ได้ขอคำอธิบายเพิ่มเติมจากชุมชนด้วยคำถามว่า “ทำไมคุณถึงคิดเช่นนั้น?” ซึ่งตามมาด้วยข้อคิดเห็นหลากหลาย บางส่วนชี้ไปยัง *วัฏจักรของราคาระหว่างรอบการลดรางวัลตอบแทน (halving)* ขณะที่คนอื่น ๆ โฟกัสที่ *การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสภาพคล่องในตลาด*
ผู้ใช้รายหนึ่งในชุมชนชื่อ adlegoff84 วิเคราะห์ว่า “บิตคอยน์ตอนนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวตามอุปสงค์ธรรมชาติอีกต่อไป แต่ตามจังหวะของ‘สภาพคล่องจากสถาบัน’” เขาเสริมว่า ETF และผลิตภัณฑ์รับฝากทรัพย์สินต่าง ๆ กำลังควบคุมฝั่งอุปทานเพื่อทำให้ราคามีเสถียรภาพ ขณะที่เครื่องมืออนุพันธ์ช่วยสร้างความยืดหยุ่นในราคาผ่านกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง พร้อมระบุว่านโยบายสภาพคล่องจากธนาคารกลางมีบทบาทในการพลิกโครงสร้างตลาดโดยรวม
PlanB เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยระบุว่าโครงสร้างตลาดปัจจุบันไม่สามารถอธิบายได้ด้วย ‘สูตรอุปสงค์-อุปทานแบบง่าย’ อีกต่อไป แต่ควรมองว่าเป็นผลของ *การปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนและกระแสการจัดสรรทุน* เขาแสดงความต้องการนำเสนอข้อมูลเชิงภาพประกอบเพิ่มเติม แต่ก็ยอมรับว่ารูปแบบการเคลื่อนไหวเช่นนี้ยากต่อการแปลงเป็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน
แม้ราคาบิตคอยน์จะร่วงลงจากระดับสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญ แต่ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวก็ยังไม่หมดไป อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของสภาพคล่องโลกและกระแสเงินทุนของสถาบันแล้ว ทิศทางในอนาคตยังคงเต็มไปด้วย ‘ความไม่แน่นอน’ และ *คำถามว่าจุดนี้คือจุดสูงสุดจริงหรือยังมีค่าที่สูงกว่ารออยู่* ยังคงเป็นหัวข้อถกเถียงที่ตลาดไม่อาจละสายตาได้ในระยะใกล้
ความคิดเห็น 0