Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เทรดเดอร์ต้องระวัง! ตลาดคริปโตเต็มไปด้วย 'กับดัก' จากความผันผวนและสภาพคล่องต่ำ

เทรดเดอร์ต้องระวัง! ตลาดคริปโตเต็มไปด้วย 'กับดัก' จากความผันผวนและสภาพคล่องต่ำ / Tokenpost

ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วย "กับดัก" ที่ซับซ้อนและเกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยลักษณะของตลาดที่เปิดทำการไม่หยุดพักและมุ่งเน้นไปที่ตลาดฟิวเจอร์สแบบมีเลเวอเรจสูง ทำให้เกิดความผันผวนในระดับสูงแม้มีคำสั่งซื้อขายเพียงเล็กน้อย ความเคลื่อนไหวเหล่านี้มักนำไปสู่สถานการณ์ "บูลแทร็ป" หรือ "แบร์แทร็ป" ซึ่งกลายเป็นจุดที่นักลงทุนจำนวนมากติดกับดักและขาดทุนหนัก

*บูลแทร็ป* เกิดขึ้นเมื่อราคาดูเหมือนจะพุ่งทะลุแนวต้านสำคัญ แต่มักจะพลิกกลับลงอย่างรุนแรง และทำให้นักลงทุนที่เข้าซื้อในจุดสูงสูญเสียเงินอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม *แบร์แทร็ป* เกิดจากการที่ราคาทะลุแนวรับแล้วฟื้นตัวขึ้นในทันที ส่งผลให้นักลงทุนที่ถือสถานะชอร์ตประสบความเสียหาย ทั้งสองสถานการณ์นี้มักเกิดจาก *การโดนบังคับปิดสถานะ* และ *การเปิดสัญญาเกินความเป็นจริง* ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับพฤติกรรม *การกลับตัว(mean reversion)* ที่มักเกิดขึ้นในช่วงตลาดเข้าเขตซื้อมากหรือขายมากเกินไป

ในช่วงเวลาที่สภาพคล่องหายไป เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์หรือช่วงกลางดึก เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากผู้ดูแลสภาพคล่องของตลาดคริปโตจะขยายสเปรดเพื่อควบคุมความเสี่ยง ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยก็อาจดูเหมือนราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ กลายเป็น ‘สัญญาณเท็จ’ ที่เกิดจาก *การขาดสภาพคล่อง* มากกว่าเป็นการกลับทิศทางของแนวโน้มจริง

ด้วยเหตุนี้ การระบุล่วงหน้าถึงสัญญาณ ‘กับดัก’ และการรอคอยยืนยันแนวโน้มก่อนตัดสินใจเข้าตลาด จึงถือเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนระดับมืออาชีพนิยมใช้ หลายคนเลือกที่จะเคลื่อนไหว ‘ไม่ใช่ด้วยความหวัง แต่ด้วยการยืนยัน’ โดยเฉพาะในช่วงที่ *อัตราเงินทุน(funding rate)* เอียงไปทางบวกหรือลบสุดขั้ว และ *ปริมาณสัญญาคงค้าง(open interest)* เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้ระดับราคาสำคัญ ซึ่งถือเป็น ‘สัญญาณเตือน’ ว่าตลาดกำลังอ่อนไหวต่อปรากฏการณ์กับดักทั้งสองฝั่ง

อีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามก็คือ *ความรุนแรงของกระแสการบังคับปิดสถานะ* โดยเฉพาะในจังหวะที่มีการล้างพอร์ตตำแหน่งขนานใหญ่ ราคามักจะปั่นป่วนและวิ่งอย่างรุนแรงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่เมื่อสิ้นสุดการบังคับปิดสถานะ ก็มีแนวโน้มจะ *ดีดกลับ(snap-back)* อย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งแสดงถึงความเหนื่อยล้าของตลาด และบางครั้งทำหน้าที่เป็น ‘จุดเปลี่ยนทิศทาง’ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขการบังคับขายในช่วงวิกฤตสามารถทะลุ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 แสนล้านบาท) ภายในวันเดียว—ตอกย้ำถึงระดับ *ความผันผวน* ที่สูงของตลาดนี้

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘การมีวินัยไม่เข้าตลาดแบบไม่มีเงื่อนไข’ โดยเฉพาะในกรอบเวลาสูงซึ่งยังไม่มีการยืนยันผ่าน ‘การปิดแท่งเทียน’ และไม่มีสัญญาณ *รีเทสต์* ที่ชัดเจน นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการเพิ่มขนาดสถานะ เพราะการเคลื่อนไหวที่ถูกสร้างขึ้นจาก *ออเดอร์บุ๊กที่บาง ข่าวลวง หรือความเอนเอียงในข่าวสาร* มักจะเป็นแค่ ‘กับดัก’ ภายใต้เงื่อนไขชั่วคราวเท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว การอยู่รอดในตลาดคริปโตไม่ได้พึ่งแค่การคาดการณ์ทิศทางราคา แต่ต้องอาศัย *กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการหลีกเลี่ยงกับดัก* อย่างชัดเจน เพราะการไม่หลงกลในช่วงเวลาที่ตลาดสั่นคลอนคือคุณสมบัติที่นักเทรดตัวจริงให้ความสำคัญสูงสุด

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1