ตลาดคริปโตเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของยุโรป (ESMA) ออกมายืนยันว่ากฎระเบียบมิชา (MiCA) ไม่ได้ห้ามอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเก็บรักษาและการโอนเงินผ่านสเตเบิลคอยน์ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้า ทำให้มีการบังคับขายสินทรัพย์มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 ล้านบาท) ภายในวันเดียว
เมื่อวันที่ 4 ตามเวลาท้องถิ่น ESMA ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า กฎระเบียบ MiCA อาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการเสนอขายต่อสาธารณะและการลิสต์ในตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจนเกี่ยวกับบริการเก็บรักษาหรือทำธุรกรรมกับสเตเบิลคอยน์ที่มิได้เป็นไปตามกติกา ก่อนหน้านี้ ไบแนนซ์ประกาศเตรียมระงับการซื้อขายสเตเบิลคอยน์ 9 รายการในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) อย่างไรก็ตาม การฝากและถอนเงินยังคงสามารถดำเนินการได้ ทาง ESMA ยืนยันถึงจุดยืนเดิมว่า ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลในยุโรปควรหลีกเลี่ยงการสนับสนุนการได้มาซึ่งสินทรัพย์ประเภทดังกล่าว
ในสหรัฐฯ วุฒิสภาได้อนุมัติมติเมื่อวันที่ 4 ด้วยคะแนนเสียง 70 ต่อ 27 เพิกถอนข้อบังคับที่กำหนดให้โปรโตคอล DeFi ต้องรายงานข้อมูลต่อกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) กฎระเบียบดังกล่าวเคยกำหนดให้แพลตฟอร์มกระจายศูนย์ต้องเปิดเผยข้อมูลธุรกรรมคริปโต วุฒิสภาให้ความเห็นชอบในขั้นต้น ก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและส่งต่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนาม ซึ่งเขาเคยแสดงจุดยืนสนับสนุนการยกเลิกข้อบังคับนี้
ขณะที่ในตลาดทุน เมื่อวันที่ 4 สหรัฐฯ ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ส่งผลให้ตลาดการเงินตอบสนองทันที ดัชนี S&P 500 ร่วง 2% ในช่วงเปิดตลาด ส่วนบิตคอยน์(BTC) ร่วงถึง 11,000 ดอลลาร์ ลงสู่ระดับ 82,000 ดอลลาร์ อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) ก็ร่วงลง 12% และ 20% ตามลำดับ คำสั่งบังคับขายในตลาดฟิวเจอร์สสูงเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะสถานะ Long ของบิตคอยน์ถูกบังคับขายไปกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,800 ล้านบาท)
ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยด้านกฎระเบียบและสภาพเศรษฐกิจมหภาค จุดยืนของ ESMA ส่งผลต่อทิศทางของสเตเบิลคอยน์ในยุโรป ส่วนการยกเลิกกฎระเบียบ DeFi ในสหรัฐฯ อาจสร้างผลดีต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นตัวแปรที่อาจเพิ่มความผันผวนให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไป
ความคิดเห็น 0