อีเธอเรียม(ETH) พุ่ง 44% ใน 72 ชั่วโมง นักลงทุนสถาบันฉวยจังหวะซื้อกว่า 185,000 เหรียญ

ราคาอีเธอเรียม(ETH) พุ่งขึ้น 44% ภายใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 โดยสามารถทะยานจากระดับ 1,800 ดอลลาร์แตะระดับเหนือ 2,600 ดอลลาร์ได้สำเร็จ แม้จะเริ่มต้นปีด้วยการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่แน่นอน

ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทลงทุนในคริปโตชื่อ อับราคซาส แคปิตอล ได้ถอนอีเธอเรียมจำนวนมากออกจากกระดานเทรด โดยอ้างอิงจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชนอย่าง ลูคอนเชน ระบุว่า ภายใน 72 ชั่วโมง อับราคซาสดำเนินการถอนอีเธอเรียมออกจากกระดานเป็นมูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 185,309 อีเธอเรียม ซึ่งคิดเป็นเงินไทยกว่า 5,680 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ถูกตีความว่า เป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันต่อแนวโน้มระยะยาวของ *อีเธอเรียม* โดยบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน ‘เซนโทรา’ (เดิมชื่อ อินทูเดอะบล็อก) เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 ว่า ที่อยู่กระเป๋าเงินที่มีกำไรจากการถือครอง *อีเธอเรียม* เพิ่มขึ้นจาก 32% เป็นสูงกว่า 60% เมื่อเทียบกับหนึ่งเดือนก่อน พร้อมระบุว่า ‘การกลับมาของอีเธอเรียม’ กำลังกลับมาเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้ลงทุน

นักวิเคราะห์ผู้ใช้นามแฝงว่า ไททัน ออฟ คริปโต ชี้ว่า *อีเธอเรียม* ได้ฟื้นตัวกลับเหนือแนวโน้มระยะ 5 ปี และสัญญาณ MACD รายสัปดาห์ก็กลับมาตัดขึ้น ชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง ขณะที่ อาลี มาร์ติเนซ นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งกล่าวว่า บริเวณราคา 2,060 ถึง 2,420 ดอลลาร์ เป็น *แนวรับหลัก* ที่มีกระเป๋าเงินกว่า 10 ล้านใบถือครอง *อีเธอเรียม* จำนวน 69 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นระดับราคาที่สำคัญที่นักลงทุนพร้อมจะป้องกัน

ด้านนักเทรด เฮนรี วิเคราะห์ว่า *อีเธอเรียม* กำลังทำรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้น ภายในช่วงราคา 2,109 ถึง 1,385 ดอลลาร์ และกำลังรีเทสต์แนวรับในช่วง 1,800 ถึง 2,578 ดอลลาร์ หลังจากโดนแรงขายที่แนวต้านแรก ขณะเดียวกันเขาคาดการณ์แนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 3,073 ดอลลาร์, 3,316 ดอลลาร์, 3,700 ดอลลาร์ และ 4,013 ดอลลาร์ พร้อมแสดง *ความคิดเห็น* ว่าราคามีโอกาสแตะระดับ 12,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปี

ล่าสุด *อีเธอเรียม* กำลังซื้อขายที่ราว 2,550 ดอลลาร์ บวกขึ้น 1.3% ภายใน 24 ชั่วโมง และเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาดคริปโตทั้งหมดที่บวกเพียง 13.9% ในช่วงเดียวกัน หากมองในช่วง 30 วัน ราคาพุ่งขึ้นกว่า 60% แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ยังคงต่ำกว่าราว 12.4% และต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 4,878 ดอลลาร์เมื่อเดือนตุลาคม 2015 ถึง 47%