ตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้ร้อนแรงเป็นพิเศษ ท่ามกลางเหตุการณ์แฮ็ก การกำกับดูแลที่เข้มงวด และการเคลื่อนไหวเชิงบวกจากสถาบันการเงินหลายแห่ง แสดงให้เห็นถึงคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วอุตสาหกรรม ในขณะที่คริปโตกำลังมุ่งหน้าสู่ตลาดการเงินกระแสหลัก เส้นแบ่งระหว่าง ‘นวัตกรรม’ และ ‘ความรับผิดชอบ’ เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทคริปโตยักษ์ใหญ่อย่าง *คอยน์เบส(Coinbase)* เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลจากการมีส่วนเกี่ยวข้องของพนักงานภายใน โดยมูลค่าความเสียหายคาดว่าอาจสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แฮ็กเกอร์เรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ แต่บริษัทเลือกตอบโต้ด้วยการเสนอรางวัลนำจับเป็นจำนวนเดียวกัน กรณีนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแลภายในองค์กร *ความคิดเห็น: ปัญหาภายในดูจะกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่กว่าที่หลายคนคิด*
ในอีกแง่มุมหนึ่ง เอริก ดี. เคาน์เซล(Eric D. Cownsel) ผู้ก่อเหตุแฮ็กบัญชี X ของ *สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ(SEC)* และเผยแพร่ข่าวลวงเกี่ยวกับการอนุมัติบิตคอยน์(BTC) ETF ถูกศาลตัดสินจำคุก 14 เดือน ขณะเดียวกันที่เกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่จับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ 25 ราย ที่ใช้วิธีแอบอ้างตัวตนและหลอกลวงจนได้เงินไปกว่า 540,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์เหล่านี้เป็นอีกเครื่องยืนยันว่า อาชญากรรมในโลกคริปโตไม่ได้เป็นเหตุการณ์โดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาเชิงระบบที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ด้านการยอมรับในระดับประเทศ *บราซิล* กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่อนุมัติให้ออกกองทุน ETF ที่อิงตามราคา ‘ริปเปิล(XRP)’ และกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มบิตคอยน์เข้าในสินทรัพย์สำรองรายประเทศ ในขณะที่ *อัล อับราส กรุ๊ป* จากบาห์เรน สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตะวันออกกลางรายแรกรายงานครอบครองบิตคอยน์ และ *ยูเครน* กำลังร่วมมือกับ *ไบแนนซ์(Binance)* เพื่อจัดตั้งสินทรัพย์สำรองเป็นบิตคอยน์ แห่งแรกในยุโรป
การลงทุนของภาคเอกชนก็ทวีความเข้มข้นขึ้นเช่นกัน *เมตาแพลนเน็ต* บริษัทจดทะเบียนในโตเกียว ขึ้นแท่นหนึ่งในผู้นำการถือครองบิตคอยน์ โดยมีบิตคอยน์มากถึง 6,796 BTC แซงหน้า *เอลซัลวาดอร์* ที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ด้าน *ไมโครสเตรทเทอจี(MSTR)* ยังคงเดินหน้าเชิงรุก โดยเตรียมซื้อเพิ่มอีก 13,390 BTC ในปี 2025 รวมมูลค่าการถือครองเป็น 568,840 BTC เพิ่มการยึดตำแหน่งผู้นำในฐานะบริษัทเอกชนที่ถือบิตคอยน์มากที่สุดในโลก
ขณะที่ *อีโทโร(etoro)* เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก(Nasdaq) ออกหุ้นใหม่ในราคา 52 ดอลลาร์ต่อหุ้น สามารถ筹筹ระดมทุนได้ถึง 620 ล้านดอลลาร์ ด้าน *เอฟทีเอ็กซ์(FTX)* เริ่มต้นการชำระคืนเจ้าหนี้รอบที่สอง ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม โดยบางรายอาจได้รับคืนถึง 120% ของยอดคงเหลือเดิม
ทางการเมืองก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ *เอริก อดัมส์(Erick Adams)* นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษด้านคริปโต 2 ราย เพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในภาครัฐ สะท้อนการเปิดรับนวัตกรรมท่ามกลางกฎเกณฑ์ที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
นับจากนี้ไป สำหรับสถาบันต่าง ๆ คำถามอาจไม่ใช่ “ควรเข้าสู่ตลาดคริปโตหรือไม่” แต่เปลี่ยนเป็น “จะเข้าสู่ตลาดเมื่อไร” มากกว่า
ความคิดเห็น 0