เฟรด ครูเกอร์ นักวิเคราะห์ตลาดการเงิน ออกมาคาดการณ์อย่างกล้าหาญว่า *บิตคอยน์(BTC)* อาจพุ่งแตะระดับ *600,000 ดอลลาร์* ภายใน 90 วัน ขณะที่ดัชนี S&P 500 อาจร่วงลงถึง 50% ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่เขาเชื่อว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 20 ครูเกอร์โพสต์ข้อความจำนวน 10 ข้อผ่านบัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) โดยเขาเตือนว่าตลาดพันธบัตรมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐเตรียมประสบความล้มเหลวช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตทางการเงิน ด้วยปัญหาความต้องการซื้อพันธบัตรที่ลดลง ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเข้ามาแทรกแซงอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นใน *ค่าเงินดอลลาร์* พังทลาย
ครูเกอร์เสริมว่าไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น กลุ่มประเทศ BRICS ที่นำโดยจีนและรัสเซียจะเปิดตัวระบบชำระเงินระหว่างประเทศใหม่ที่อิงกับทองคำ ทำให้บทบาทของดอลลาร์ในโลกอ่อนแอลง และ *บิตคอยน์* จะพุ่งแตะ 180,000 ดอลลาร์
ในเดือนสิงหาคม เขาคาดว่าสถานการณ์จะทรุดตัวลงอีก เมื่อกองทุนบำเหน็จบำนาญรายใหญ่ของสหรัฐเริ่มหยุดการถอนเงิน และเฟดจะใช้มาตรการตรึงผลตอบแทนพันธบัตรที่ระดับ 6.5% ในเวลาเดียวกัน ประเทศต่าง ๆ เช่น ไนจีเรีย ตุรกี และเวเนซุเอลา อาจเปลี่ยนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปสู่ *บิตคอยน์* ส่งผลให้ราคาทะยานแตะระดับ 265,000 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแตะ 6,700 ดอลลาร์
ครูเกอร์คาดการณ์ว่าเดือนกันยายนจะเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่สุด เมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ ทั้ง *แอปเปิล(AAPL), เทสลา(TSLA)* และ *กูเกิล(GOOGL)* เปิดเผยการถือครอง *บิตคอยน์* ขนานใหญ่ โดยประเมินว่า *แอปเปิล* อาจเริ่มสะสมบิตคอยน์มากถึง 200,000 BTC ตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นสู่ระดับ 460,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า *กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)* อาจเปิดตัวตะกร้าทุนสำรองระหว่างประเทศใหม่ โดยระบุว่าจะประกอบด้วย *บิตคอยน์ 50%*, ทองคำ 30% และสินทรัพย์อื่น ๆ อีก 20% ซึ่งจะสร้างแรงสะเทือนครั้งใหญ่ในตลาดโลก และเสริมว่า ภายในต้นเดือนตุลาคม *บิตคอยน์* อาจแตะระดับสูงสุดที่ 600,000 ดอลลาร์ ทองคำขยับไปที่ 10,400 ดอลลาร์ ขณะที่ *S&P 500* ร่วงลงครึ่งหนึ่ง
ขณะที่ราคาปัจจุบันของ *บิตคอยน์* อยู่ที่ 107,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และอยู่ห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 1.3% ด้านภาพรวมรายเดือนเพิ่มขึ้น 23.1% และในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 51.6%
ความคิดเห็น: แรงผลักดันหลักของราคาในตอนนี้มาจาก ‘ความต้องการของนักลงทุนสถาบัน’ และ ‘ปริมาณอุปทานที่จำกัด’ ตามข้อมูลจากบริษัท ฟาซาอิด อินเวสเตอร์ส ระบุว่า ETF บิตคอยน์แบบสปอตของสหรัฐ มียอดเงินไหลเข้าสุทธิใน 8 จาก 10 วันของเดือนพฤษภาคม ซึ่งมียอดรวมทะลุ 3,300 ล้านดอลลาร์
ยิ่งไปกว่านั้น *ไมโครสเตรเทจี(MSTR)* และ *เมตาแพลนเน็ต* ประกาศแผนซื้อ *บิตคอยน์* เพิ่มเติมรวมมูลค่ากว่า 850 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหนุนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0