บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 112,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 22 จากแรงหนุนของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มตลาดที่มีเสถียรมากกว่ารอบกระแสเก็งกำไรในอดีต โดยการวิเคราะห์จากซานทิเมนต์เผยว่าราคาอาจทะยานสู่ช่วง 115,000-120,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ในวันก่อนหน้า ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ 109,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ 109,241 ดอลลาร์ โดยไม่มีสัญญาณของภาวะ FOMO หรือความตื่นตระหนกในการซื้อจากนักลงทุนรายย่อย ซานทิเมนต์ระบุว่า ‘การเพิ่มขึ้นของราคาในครั้งนี้เกิดขึ้นในตลาดที่เงียบสงบจากฝั่งนักลงทุนทั่วไป แต่มีแรงซื้อสม่ำเสมอจากสถาบัน’ *ความคิดเห็น* นี้ทำให้ตลาดอยู่ในสภาวะที่มั่นคงและพร้อมเปิดรับเม็ดเงินจากกองทุนขนาดใหญ่
ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ETF บิตคอยน์แบบสปอตของแบล็คร็อก IBIT ถือครองบิตคอยน์แล้วกว่า 636,120 BTC ซึ่งมากกว่ารวมกันของ ETF สปอตอีก 14 กองในสหรัฐฯ ถึงกว่า 2,000 BTC ความเคลื่อนไหวของ *มูบาดาลา* กองทุนความมั่งคั่งของรัฐบาลอาบูดาบี และเฮดจ์ฟันด์ *ซิทาเดล* ที่เพิ่มสัดส่วนการถือครองใน IBIT อย่างมีนัยสำคัญก็เป็นสิ่งที่น่าจับตา
ในฝั่งของบริษัทเอกชน มายเคิล เซย์เลอร์และบริษัทไมโครเสตราเตจี(MSTR) ร่วมด้วยเมตาแพลเน็ตจากญี่ปุ่น ได้เดินหน้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มด้วยเงินรวมกว่า 864 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) อีกหนึ่งสัญญาณที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจ
จนถึงตอนนี้ บิตคอยน์กลับเข้าสู่ช่วง *“ราคาเริ่มค้นพบ”* โดยราคาปรับขึ้นถึง 25.5% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา และเพิ่มสูงขึ้นไปถึง 58.7% เมื่อเทียบจากต้นปี โดยมีราคาล่าสุดอยู่ที่ 110,915 ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวมากกว่า 47% นับตั้งแต่ร่วงไปแตะ 75,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 7 เมษายน
ซานทิเมนต์ชี้ว่า การที่บิตคอยน์ได้รับการยอมรับเข้าสู่ระบบการเงินดั้งเดิมมากขึ้น ทำให้เริ่มถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือเก็บมูลค่าหลัก’ ท่ามกลางตลาดที่ไม่มีการพูดถึงในเครือข่ายสังคมหรือความนิยมจากการค้นหาเท่ากับในอดีต แต่ราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น *ความคิดเห็น* นี้ยืนยันว่า แนวโน้มรอบใหม่นี้มีความยั่งยืนมากกว่าครั้งใดในอดีต
ความคิดเห็น 0