ความนิยมของสกุลเงินดิจิทัลในสิงคโปร์พุ่งสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากรายงาน “2024 สิงคโปร์ คริปโตเคอร์เรนซี มาร์เก็ต เซอร์เวย์” ที่จัดทำโดยอินดีเพนเดนท์ รีเซิร์ฟ (Independent Reserve) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของสิงคโปร์ ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พบว่า *94% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้จักอย่างน้อยหนึ่งสินทรัพย์ดิจิทัล* ถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดตั้งแต่มีการจัดทำรายงานฉบับนี้
อย่างไรก็ตาม *อัตราการถือครองคริปโตกลับลดลง* โดยในปี 2023 มีผู้ถือครองอยู่ที่ 40% ขณะที่ในปีนี้ลดลงเหลือเพียง 29% เท่านั้น *กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 1,500 คน* ดำเนินการช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้พบว่า *ผู้ชายมีแนวโน้มลงทุนในคริปโตมากกว่าผู้หญิง* โดย 35% ของผู้ชายระบุว่ามีการถือครองสกุลเงินดิจิทัล เทียบกับผู้หญิงที่มีเพียง 24%
กลุ่มนักลงทุนหลักยังคงเป็นกลุ่ม *มิลเลนเนียลและคนรุ่น X* (อายุระหว่าง 25-54 ปี) ซึ่งคิดเป็น 71% ของผู้ถือครองทั้งหมด และกว่า 76% ของผู้ที่มีการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็อยู่ในช่วงอายุเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่า *คนรุ่นกลางวัยคือแกนนำสำคัญในตลาดคริปโตของสิงคโปร์*
แม้อัตราการถือครองจะลดลง แต่ *ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในระดับสูง* โดย 53% ของผู้ถือครองในปัจจุบันระบุว่ามีแผนจะเพิ่มการลงทุนในปีข้างหน้า ขณะที่ 17% ของกลุ่มที่ยังไม่ได้ลงทุนมีความสนใจที่จะเริ่มลงทุน นี่แสดงให้เห็นถึง *ศักยภาพในการขยายตัวของตลาดคริปโตในสิงคโปร์ในอนาคต*
*บิตคอยน์(BTC)* ยังเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 68% ของผู้ถือครองคริปโตระบุว่าถือบิตคอยน์ และ 86% มองว่าบิตคอยน์สามารถใช้เป็น ‘เงิน’, ‘แหล่งเก็บมูลค่า’ หรือ ‘สินทรัพย์สำหรับการลงทุน’ ได้ ขณะที่ 77% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่า *ราคาบิตคอยน์จะทะลุ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 14.6 ล้านบาท) ภายในปี 2030
ด้านรูปแบบการลงทุน *การถือครองโดยตรงได้รับความนิยมมากที่สุด* โดย 61% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกที่จะเก็บสินทรัพย์ในแบบดั้งเดิม แทนการลงทุนผ่านกองทุน ETF นอกจากนี้ 67% ระบุว่าเคยมีการ ‘ขายบางส่วนหรือทั้งหมด’ ตามความผันผวนของราคาในช่วงปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจของนักลงทุนต่อจังหวะการเก็งกำไรผ่านกลยุทธ์ *อาร์บิทราจเทรดดิ้ง*
*แม้ความผันผวนจะยังเป็นปัจจัยหลักในตลาดคริปโตของสิงคโปร์* แต่ผลสำรวจครั้งนี้บ่งชี้ว่าคริปโตเคอร์เรนซียังคงถูกมองว่าเป็น *เครื่องมือทางการเงินกระแสหลัก* ซึ่งมีผู้ใช้งานและผู้สนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อครึ่งหนึ่งของนักลงทุนมีแผนที่จะเพิ่มการถือครอง แนวโน้มการเติบโตระยะยาวดูจะยังคงสดใสในประเทศแห่งนี้
ความคิดเห็น 0