บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลังแตะ 112,000 ดอลลาร์ เทรดเดอร์ขาดทุนกว่า 544 ล้านดอลลาร์

ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง หลังจากที่บิตคอยน์(BTC)พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 112,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรและราคาปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลหลักอื่น ๆ อย่างอีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP) และโซลานา(SOL) ต่างร่วงลงในช่วง 3-5% เช่นกัน

เมื่อช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา บิตคอยน์ร่วงลง 2.6% มาอยู่ที่ระดับประมาณ 108,460 ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์มองว่าการปรับฐานครั้งนี้มีสาเหตุหลักจากแรงขายของนักลงทุนที่ทำกำไรหลังราคาพุ่งสูง

การปรับฐานอย่างรุนแรงในครั้งนี้ส่งผลให้มีเทรดเดอร์กว่า 163,000 รายถูกบังคับปิดสถานะ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 544 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7,720 พันล้านวอน โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม OKX ที่มีการล้างพอร์ตในดีลเดียวถึง 9.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตำแหน่ง ‘ลอง’ คาดว่าขาดทุนรวมเฉพาะฝั่งนี้พุ่งเกิน 400 ล้านดอลลาร์

ตลาดอัลท์คอยน์ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน โดยอีเธอเรียมร่วง 4.3% มาอยู่ที่ระดับ 2,541 ดอลลาร์ ส่วนเหรียญใหญ่อื่นอย่างริปเปิล, โซลานา, คาร์ดาโน(ADA) และโทรอน(TRX) ต่างลดลงในกรอบ 1-4%

ในขณะที่เหรียญ ‘มีมคอยน์’ อย่างโดชคอยน์(DOGE) และชิบะอินุ(SHIB) ต่างเผชิญกับแรงเทขายหนัก โดยโดชคอยน์ปรับลดไป 3.9% และชิบะอินุ ร่วง 3.5% ส่วนโทเคนที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ดิ่งลงถึง 13% เลยทีเดียว

ด้วยปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดคริปโตเข้าสู่โหมด ‘ระมัดระวัง’ อย่างชัดเจน แม้ว่าการปรับฐานหลังจากทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่จะถือเป็นสถานการณ์ที่ ‘ธรรมดา’ ตามวัฏจักรตลาด แต่ก็มีความกังวลว่า ‘แรงขายอาจยังไม่จบ’ และมีโอกาสเกิดการร่วงลงต่อในระยะสั้น ความเห็นส่วนหนึ่งระบุว่า ‘ต้องจับตาการเคลื่อนไหวของบิตคอยน์อย่างใกล้ชิด’ หากราคายังไม่สามารถรีบาวด์ได้ ความผันผวนรอบใหม่อาจตามมาอีกครั้ง