เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งเป้าไปยังข้อมูลผู้ใช้ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้ เทคโนโลยีปกป้องความเป็นส่วนตัวบนบล็อกเชนอย่าง ‘การพิสูจน์แบบไม่มีความรู้’ หรือ *Zero-Knowledge Proof (ZK-proof)* กำลังก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์
อีราน บารัก(Eran Barak) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทชีลด์เต็ด เทคโนโลยีส์(Shielded Technologies) ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเครือข่ายความเป็นส่วนตัว ‘มิดไนต์(Midnight)’ กล่าวในงาน Consensus 2025 ว่า เซิร์ฟเวอร์และระบบบริการแบบรวมศูนย์นั้นเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ที่นำ AI มาใช้งาน เขาชี้ว่า ข้อมูลที่ถูกล่อลวงมีตั้งแต่ ‘คีย์ส่วนตัว’, ‘เมตาดาทาทางการเงิน’, ‘ประวัติการรักษา’ ไปจนถึง ‘เอกสารของรัฐ’ ซึ่งความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรง
*ความคิดเห็น:* บารักมองว่า โครงสร้างรวมศูนย์กำลังกลายเป็นเหมืองข้อมูลที่แฮกเกอร์มองว่าให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ยิ่ง AI ทำให้การแฮกซับซ้อนขึ้น ROI ต่อการโจมตีก็สูงขึ้นตาม
ZK-proof จึงเป็นทางออกที่น่าสนใจในมุมมองของบารัก เพราะเทคโนโลยีนี้สามารถตรวจสอบข้อมูลบนบล็อกเชนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลจริง โดยเปลี่ยนจากการล่าข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์กลางมาเป็นการเจาะกระเป๋าเงินดิจิทัล(Wallet) แบบแยกส่วนของผู้ใช้แต่ละคนแทน ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สร้าง ‘ความไม่คุ้ม’ ให้แก่แฮกเกอร์ เพราะต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าหลายเท่าเพื่อให้ได้ข้อมูลในระดับเดียวกัน
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “เมื่อไม่สามารถขโมยข้อมูลทีละหลายล้านรายการได้อีกต่อไป และ ROI ลดลงอย่างชัดเจน แฮกเกอร์ก็จะต้องเปลี่ยนเป้าหมายอย่างเลี่ยงไม่ได้”
ปัจจุบัน เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวยังกลายเป็นวาระสำคัญในหมู่นักพัฒนา Web3 เนื่องจากความต้องการในการปกป้องเมตาดาตาจาก AI มีมากขึ้น อีกทั้งสถาบันขนาดใหญ่ที่เตรียมเข้าสู่ภาคธุรกิจ *On-chain* ก็เริ่มระบุว่า ความปลอดภัยของความเป็นส่วนตัวคือ *เงื่อนไขจำเป็น* ทำให้การพัฒนาโซลูชันด้านนี้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว
*คำสำคัญ:* ZK-proof, ความเป็นส่วนตัว, บล็อกเชน, การโจมตีทางไซเบอร์, AI, กระเป๋าเงินดิจิทัล
*ความคิดเห็น:* ในยุคที่ข้อมูลคือสินทรัพย์ การใช้บล็อกเชนผนวกกับ ZK-proof อาจเป็นปราการสำคัญของโลกดิจิทัลยุคใหม่
ความคิดเห็น 0