ความสำเร็จในการเทรดคริปโตไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่การ ‘ซื้อให้ถูก’ หรือ ‘ขายให้แพง’ เท่านั้น โดยเฉพาะในตลาดบิตคอยน์(BTC) ที่มีความผันผวนสูง ‘คำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss)’ และ ‘คำสั่งทำกำไร (take-profit)’ ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงเที่ยวต่อเที่ยวอย่างแม่นยำ ปัจจุบัน การเทรดแบบอัลกอริทึมและกลยุทธ์อัตโนมัติได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ทำให้เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอแบบเดิมอีกต่อไป แต่สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อจัดการกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำสั่ง ‘หยุดขาดทุน’ และ ‘ทำกำไร’ ช่วยให้การเทรดบิตคอยน์มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยการตั้งราคาที่ต้องการล่วงหน้า เพื่อให้แพลตฟอร์มดำเนินการขายหรือปิดสถานะทันทีเมื่อราคานั้นถูกแตะ ถือเป็นวิธีที่ไม่เพียงลดความสูญเสียและล็อกกำไร แต่ยังช่วยลด ‘อารมณ์’ ของนักลงทุนที่มักเข้าสู่ตลาดอย่างไร้แผนการ ในตลาดที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่หยุดพักอย่างตลาดคริปโต การเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาแทบเป็นไปไม่ได้สำหรับนักลงทุนทั่วไป ดังนั้นเครื่องมืออัตโนมัติเหล่านี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
ย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 2010 ระบบ ‘หยุดขาดทุน’ ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการเทรดบิตคอยน์ โดยในเวลานั้นส่วนใหญ่นักลงทุนยังต้องเฝ้าราคาด้วยตนเอง แต่เมื่อกระดานเทรดเริ่มนำระบบอัตโนมัติมาให้บริการอย่างจริงจัง กลยุทธ์นี้จึงกลายเป็นหนึ่งใน ‘หัวใจหลัก’ ของการบริหารพอร์ต ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับอิทธิพลมาจากตลาดหุ้นและตลาดเงินดั้งเดิม
ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนซื้อบิตคอยน์ในราคา 90,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.23 ล้านบาท) แล้วตั้งค่าหยุดขาดทุนไว้ที่ 85,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.16 ล้านบาท) เมื่อราคาร่วงถึงจุดนั้น ระบบจะขายอัตโนมัติทันที ช่วยจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 685,000 บาท) ในทางตรงกันข้าม หากตั้งค่าทำกำไรที่ 95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.30 ล้านบาท) ระบบก็จะช่วยล็อกกำไรโดยอัตโนมัติเมื่อราคาขึ้นถึงเป้าหมาย
‘คำสั่งเทรด’ เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมืออำนวยความสะดวก แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ทำงานได้แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวนเร็วอย่าง ‘แฟลชแครช’ หรือการร่วงลงของราคาอย่างฉับพลัน ยกตัวอย่างวันที่ 5 ธันวาคม 2024 บิตคอยน์เคลื่อนตัวจากระดับสูงสุด 103,853 ดอลลาร์ ลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 92,251 ดอลลาร์ในเวลาเพียงวันเดียว กลยุทธ์หยุดขาดทุนจึงสามารถช่วยลดผลกระทบจากแรงขายมหาศาลในช่วงสั้นๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
คำสั่งทำกำไรเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยทำให้ผู้ลงทุนสามารถ ‘ปิดกำไร’ ได้ก่อนที่ตลาดจะวกกลับลงมา ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยต่อสู้กับ ‘ความโลภ’ ที่มักทำให้นักลงทุนพลาดโอกาส การทำงานแบบอัตโนมัติยังช่วยให้สามารถทำกำไรได้แม้ในขณะที่ผู้ลงทุนกำลังหลับ ซึ่งสอดคล้องมากกับลักษณะของตลาดคริปโตที่ไม่เคยหลับ
ขั้นตอนการตั้งค่าเครื่องมือเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละแพลตฟอร์ม ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มคราเคน(Kraken) เทรดเดอร์สามารถเลือกคู่เทรด BTC/USD แล้วคลิกที่ฟังก์ชัน ‘หยุดขาดทุน’ เพื่อใส่ราคาที่ต้องการ และตั้งช่วงความเสี่ยงที่ยอมรับได้
แม้จะดูมีประโยชน์อย่างมาก แต่ยังมีข้อควรระวังคือ คำสั่งแบบอัตโนมัติไม่สามารถรับประกันว่าจะถูกดำเนินการได้ตรงตามเงื่อนไขเสมอไป ปัญหาเช่น การขาดสภาพคล่องในตลาดหรือความล่าช้าของระบบอาจทำให้คำสั่งถูกจับคู่ในราคาที่ไม่พึงประสงค์ หรืออาจไม่ถูกจับคู่เลย อย่างไรก็ตาม หากมีการวางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบควบคู่ไปกับเครื่องมือเหล่านี้ มันสามารถเป็นอาวุธชั้นดีในการบริหารความเสี่ยงและปกป้องกำไรในตลาดบิตคอยน์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ‘ความคิดเห็น’ นี่ยังคงเป็นเครื่องมือที่ควรมีในทุกกลยุทธ์การเทรดของนักลงทุนคริปโตในปัจจุบัน
ความคิดเห็น 0