การประชุมบิตคอยน์(BTC) ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมโรงแรมเวเนเชียน เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ดึงดูดความสนใจจากบุคคลในวงการคริปโต นักวางนโยบาย และผู้ทรงอิทธิพลจากทั่วโลก โดยในการประชุมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่การพูดคุยเกี่ยวกับบิตคอยน์เท่านั้น แต่ยังรุกล้ำไปยังประเด็นการเมืองและกฎหมายที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในวงกว้าง ซึ่งถือเป็นจุดรวมตัวของผู้ที่สนใจอนาคตของคริปโตอย่างแท้จริง
หนึ่งในบุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในงานคือ เจดี แวนซ์(JD Vance) รองประธานาธิบดีของทรัมป์ ซึ่งได้ขึ้นเวทีหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมระดมทุนที่มีค่าตั๋วสูงลิ่วถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อคน (ราว 13.7 ล้านบาท) เขาใช้โอกาสนี้ในการกระตุ้นให้ชุมชนบิตคอยน์มีบทบาทในเวทีการเมืองมากยิ่งขึ้น โดยกล่าวว่าการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 จะเป็นเวทีสำคัญที่ชุมชนคริปโตสามารถแสดงพลังได้
‘เสรีภาพ’ กลายเป็นหัวข้อหลักที่สะท้อนผ่านคำพูดของวิทยากรหลายคน มایเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครสเทรเทจี(MSTR) ย้ำคำว่า ‘เสรีภาพ’ อย่างน้อยสามครั้งระหว่างการพูด ขณะที่ รอส อูลบริชต์(Ross Ulbricht) ผู้ก่อตั้งซิลค์โร้ด ซึ่งเพิ่งได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อประมาณ 4 เดือนก่อน และเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกนับตั้งแต่ออกจากเรือนจำ กล่าวว่า "เราทุกคนล้วนต้องการเสรีภาพ และหากเราเห็นพ้องว่าการกระจายศูนย์คือวิธีการรักษาเสรีภาพนั้น เราก็สามารถรวมพลังกันได้"
การอภิปรายเรื่องนโยบายและกฎระเบียบก็เป็นอีกไฮไลต์ของงาน โดยมีการขยายประเด็นเกี่ยวกับทิศทางของรัฐบาลสหรัฐต่อบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลในภาพรวม เฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce) กรรมาธิการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนคริปโตหลักของหน่วยงาน ได้แสดงความเห็นภายใต้องค์ประกอบของการบริหารภายใต้พอล แอตกินส์(Paul Atkins) ว่าหน่วยงานจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด
พร้อมกันนี้ยังมีการเสวนาจากผู้แทนสภาคองเกรส ได้แก่ ซินเธีย ลูมิส, ไบรอัน สไตล์, ไบรอน โดนัลด์ส และทอม เอ็มเมอร์ ซึ่งกล่าวถึงความคืบหน้าทางกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงสร้างตลาดดิจิทัลและสเตเบิลคอยน์ โดย ไบรอัน สไตล์ ย้ำว่า “ร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดและกฎหมายสเตเบิลคอยน์ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโต และการสื่อสารเรื่องนี้สู่ประชาชนเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก”
ในงานเดียวกันยังมีการกล่าวถึงแนวนโยบายด้านคริปโตของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมีที่ปรึกษาทำเนียบขาวด้านคริปโต โบ ไฮนส์(Bo Hines) ร่วมกับ เดวิด แซคส์(David Sacks) อธิบายว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาการเพิ่มการถือครองบิตคอยน์ในระดับประเทศ ซึ่งแซคส์ระบุว่า “มีช่องทางที่ทำให้สามารถถือครองบิตคอยน์เพิ่มเติมโดยไม่สร้างภาระทางงบประมาณ”
การประชุมครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของชุมชนคริปโตภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่ากำลังมีอิทธิพลเชิงการเมืองมากขึ้น และอาจมีบทบาทสำคัญต่อการวางกรอบนโยบายและกฎหมายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐในอนาคต ความคิดเห็น: การประชุมนี้ตอกย้ำบทบาทของคริปโตจากเทคโนโลยีสู่เครื่องมือทางการเมือง หากแนวทางนี้ยังดำเนินต่อไป ผลกระทบต่อการพัฒนากฎระเบียบในภาคส่วนนี้อาจกว้างไกลกว่าที่คาดไว้
ความคิดเห็น 0