แม้อีเธอเรียม(ETH) จะยังไม่สามารถฝ่าต้าน 2,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 369,000 บาท) ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ ‘แนวโน้มพื้นฐานของเครือข่ายกลับแกร่งขึ้น’ ตามการวิเคราะห์จากหลายฝ่าย โดยในช่วง 30 วันที่ผ่านมา อีเธอเรียมสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีรวมกว่า 17% สะท้อนความมั่นคงของสินทรัพย์นี้อย่างมีนัย
หนึ่งใน ‘ปัจจัยบวก’ ที่สนับสนุนอีเธอเรียมคือการฟื้นตัวของตลาดฟิวเจอร์ส และการเติบโตของเลเยอร์ 2 ซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยขยายขีดความสามารถในการทำธุรกรรมของเครือข่ายหลัก ปริมาณธุรกรรมและจำนวนผู้ใช้งานใหม่ที่เพิ่มขึ้นบนเลเยอร์ 2 ส่งผลให้ ‘การใช้งานของเครือข่ายโดยรวม’ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ความสนใจของตลาดต่อแอปพลิเคชันแบบไร้ศูนย์กลาง (DApp) ยังคงลดลง ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า มูลค่ารวมที่ล็อกไว้ในระบบนิเวศบล็อกเชนทั้งหมด (TVL) อยู่ที่ 122,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 167.14 ล้านล้านบาท) ซึ่งยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม 2021 ถึง 43% ขณะราคาอีเธอเรียมปัจจุบันยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดในเดือนตุลาคม 2021 ที่ 4,870 ดอลลาร์ (ประมาณ 666,000 บาท) ถึง 48%
‘ความคิดเห็น’ จากบางฝ่ายระบุว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง อีเธอเรียมที่มีผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดโดยรวม อาจเกิดการ ‘ปรับฐาน’ ได้ในระยะใกล้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองในแง่ดีว่า การปรับโครงสร้างของเครือข่ายอีเธอเรียม และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเลเยอร์ 2 ยังคงเป็น ‘แรงผลักดันสำคัญ’ ที่จะช่วยเสริมโอกาสการฟื้นตัวและขยับขึ้นของราคาในระยะยาว
ความคิดเห็น 0