TVL ของอีเธอเรียม(ETH) แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี แต่กิจกรรมเครือข่ายยังซบเซา

แม้ว่า ‘ยอดเงินฝากล็อกทั้งหมด’ (TVL) บนเครือข่าย ‘อีเธอเรียม(ETH)’ จะแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี แต่ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของราคา ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน

ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ TVL ของอีเธอเรียมอยู่ที่ 21.8 ล้าน ETH ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์ม ‘ดีไฟลามา’ (DefiLlama) ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคาของอีเธอเรียมกลับไม่สามารถทะลุระดับ 2,800 ดอลลาร์ และปรับตัวลดลง 21% นับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม

TVL หมายถึง มูลค่าของสินทรัพย์ที่ถูกฝากไว้ใน ‘สมาร์ตคอนแทรกต์’ ซึ่งครอบคลุมแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น ‘การสเตก’ (Staking), ‘การให้กู้ยืม’ (Lending), ‘ดีเซ็นทรัลไลซ์เอ็กซ์เชนจ์’ (DEX) และ ‘ยีลด์ฟาร์มมิง’ (Yield Farming) โดยปัจจุบัน อีเธอเรียมยังคงครองส่วนแบ่งตลาดดีไฟถึง 52.8% ซึ่งมากที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะที่ ‘โซลานา(SOL)’ ตามมาเป็นอันดับสองที่ 8.2%

ถึงแม้ TVL จะเพิ่มขึ้น แต่กิจกรรมบนเครือข่ายกลับชะลอตัวลง ตามข้อมูลจาก ‘แดปป์เรดาร์’ (DappRadar) ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค่าธรรมเนียมธุรกรรมบนเครือข่ายอีเธอเรียมลดลง 72% ภายในสองสัปดาห์ เหลือเพียง 8.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 11.74 พันล้านวอน) ในขณะเดียวกัน ปริมาณธุรกรรมในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ปรับลดลง 37% เช่นกัน

ขณะที่ ‘บีเอ็นบีเชน’ (BNB Chain) มีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น 60% ในช่วงเวลาเดียวกัน เครือข่าย ‘เลเยอร์ 2’ (Layer-2) ของอีเธอเรียมกลับมีแนวโน้มลดลง โดย ‘อาร์บิทรัม’ (Arbitrum) ปรับลง 44% ในรอบ 30 วัน, ‘เบส’ (Base) ลดลง 10% และ ‘โพลิกอน(MATIC)’ หดตัว 4%

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการเพิ่มขึ้นของ TVL เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันราคา ETH เนื่องจากกิจกรรมเครือข่ายที่ลดลงส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลไกเศรษฐกิจของอีเธอเรียม

ปัจจัยที่ถูกจับตามากที่สุดในการกระตุ้นราคาคือ ‘กองทุน ETF อีเธอเรียมที่อ้างอิงราคาสปอต’ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาโดย ‘สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ’ (SEC) โดยหากกองทุนดังกล่าวสามารถรองรับฟีเจอร์ ‘สเตกกิ้ง’ ได้ ก็อาจช่วยดึงดูดกลุ่มนักลงทุนสถาบันให้เข้าสู่ตลาดมากขึ้น

แม้ว่าอีเธอเรียมจะยังคงเป็นผู้นำในตลาดดีไฟ แต่หากต้องการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือการฟื้นตัวของกิจกรรมเครือข่ายและรายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกรรม