รายงานล่าสุดของธนาคารซิกนัม(Sygnum) เปิดเผยว่า ปริมาณ *บิตคอยน์(BTC)* ที่สามารถหมุนเวียนในตลาดลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกำลังก่อตัวเป็นเงื่อนไขที่อาจนำไปสู่การ *พุ่งขึ้นของราคา* ในไม่ช้า
ธนาคารซิกนัมระบุในรายงานแนวโน้มการลงทุนประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2025 ว่า ‘ปริมาณอุปทานหมุนเวียน’ ของบิตคอยน์ลดลงประมาณ *30%* ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักมาจากการไหลเข้าของนักลงทุนสถาบัน และการเติบโตของผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ในตลาด ซึ่งรวมถึงETFแบบสปอตและการซื้อในระดับองค์กรขนาดใหญ่ที่ทำให้เหรียญจำนวนมากถูกถอนออกจากตลาดแลกเปลี่ยน *เป็นจำนวนมหาศาล*
ด้วยเหตุนี้ รายงานจึงมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น *สัญญาณเชิงบวก* สำหรับตลาด โดยระบุว่า “การลดลงอย่างรวดเร็วของอุปทานหมุนเวียนของบิตคอยน์กำลังสร้างพื้นฐานสำหรับความผันผวนเชิงปริมาณและแรงกระแทกด้านอุปสงค์ในอนาคต”
ข้อมูลยังระบุว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 บิตคอยน์ที่ฝากไว้ในตลาดแลกเปลี่ยนลดลงไปแล้วประมาณ *1 ล้าน BTC* ขณะเดียวกัน กองทุนที่ใช้กลยุทธ์ออกหุ้นหรือหนี้สินเพื่อนำเงินมาซื้อบิตคอยน์ เพิ่มแรงกดดันต่อปริมาณซัพพลายที่ลดลงไปอีก
ในมุมของปัจจัยมหภาค ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ *ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว* และ *ภาวะการคลังของสหรัฐฯ ที่เปราะบาง* ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแสวงหาทรัพย์สินปลอดภัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยน์ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าอาจได้รับแรงส่งระดับสูงในระยะสั้น
ในอีกด้านหนึ่ง วันเดียวกันมีการเปิดตัวกระเป๋าเงินคริปโตที่เชื่อมโยงกับ *ประธานาธิบดีทรัมป์* สร้างความสับสนในวงการ เนื่องจากเบื้องต้นมีการอ้างว่ามาจากสมาชิกครอบครัวทรัมป์โดยตรง แต่ต่อมา บุตรชายของทรัมป์ออกมายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้เกิดกระแสความขัดแย้งทางการเมืองตามมา
ขณะที่ แพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ระดับโลก *คลาสโอเวอร์(Classover)* ได้ประกาศจัดตั้งเงินทุนสำรองในรูปแบบ *โซลานา(SOL)* เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผนบูรณาการเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าสู่ภาคการศึกษา นับเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบ *กระจายศูนย์*
ความคิดเห็น 0